จากที่ทาง CNX-Software ได้เกริ่นนำบทความ SONOFF iHost Smart Home Hub ไปแล้ว ตอนนี้ทาง Itead Sonoff ได้ส่งผลิตภัณฑ์มาให้ทดลองดูจริงๆ และตัวนี้น่าจะเป็นตัวที่เหล่าแฟนบอยของ Sonoff รอกันมานานโดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำ local control ที่อุปกรณ์ Sonoff ยังคงทำงานอยู่ได้ถึงแม้จะไม่มี internet
เป็นที่ทราบกันว่าค่าย Sonoff มีชื่อเสียงเรื่องอุปกรณ์ที่ทนทานและการทำงานร่วมกันระหว่างอุปกรณ์อย่างดี แต่ยังตามเจ้าอื่นๆอยู่ในเรื่องของ local control แต่การรอคอยก็สิ้นสุดเพราะ iHost Smart Home Hub มาเติมเต็มสิ่งที่ขาดไป นอกเหนือจากเรื่อง Local control ที่มาพร้อมกับ Privacy แล้ว ทาง Sonoff ก็ยังวางแผนในด้านอื่นๆในผลิตภัณฑ์นี้เช่นกัน คือ Hardware สำหรับ iHost ไม่ได้แค่รองรับแค่ผลิตภัณฑ์ของ Sonoff อีกต่อไป แต่จะรวมถึงค่ายอื่นๆด้วย ตราบใดที่อุปกรณ์นั้นเป็นไปตามมาตรฐาน เช่น Zigbee 3.0 นอกเหนือไปจากนี้ยังมีเปิด Web API ให้กับนักพัฒนาที่จะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของ iHost ecosystem ด้วย ดูๆแล้วมันเหมือนกับ platform มากกว่าที่จะเป็นแค่ผลิตภัณฑ์นึง เพราะสามารถขยับขยายไปสู่ฟีเจอร์ของ SmartHome ในอนาคตได้เช่น Matter ถ้าจะให้มองแล้วมันเหมือนกับ Home Assistant กลายๆเลย เพียงแต่ hardware เค้าเลือกมาให้ไม่ต้องมาคอยเลือกเองรวมถึงการเข้ากันได้ของ Hardware และ Software ด้วย ส่วนในเรื่องของ software ก็สามารถมาเพิ่มเติมในภายหลัง โดยใช้ แนวคิด docker container เราคิดว่ามันน่าสนใจตรงนี้ คือที่ผู้ใช้อาจไม่จำเป็นต้องเทพแบบใช้งาน Home Assistant แต่ก็สามารถขยับขยายได้เองในระดับนึง โดยไม่ต้องใช้ความรู้มากนักเพราะทุกอย่างทำจาก GUI เนื่องจากตัวนี้เป็นรุ่นแรก ฟีเจอร์บางอย่างอาจจะยังไม่พร้อมทุกอย่าง แต่ทาง Sonoff ก็ออก roadmap และ timeline มาให้ผู้ใช้สามารถมองเห็นสิ่งที่จะตามมา
มาแกะกล่อง
ภายในกล่องสีขาวมา ตัว iHost console มา พร้อมสาย USB-C แต่ไม่มี Adapter ต้องหาเองแต่ก็มันก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ มีสาย RJ45 ให้มาเพื่อต่อกับ LAN รูปลักษณ์ภายนอกเหมือน Game Console จริงๆ มี Reset Pin และคู่มือตามสูตรของ Sonoff จากภายนอกเรามองเห็น
เมื่อมองจากด้านหลังและด้านบนจะมีพอร์ต ปุ่มฟังก์ชั่น และ LED ต่างๆพอสมควร
- ปุ่ม Function – Power On/Off, Security Arm/Disarm, Sound, Pairing
- พอร์ต USB-C สำหรับ power supply (5V/2A)
- พอร์ตแลน RJ45 100Mbit
- พอร์ต USB-A 2.0
- TF SDMMC 2.0 memory card slot
- ไฟ LED ด้านหน้าแสดงสถานะต่างๆ เช่น แดง (ผิดปกติ) น้ำเงิน (ทำงานปกติ)
- ปุ่มรีเซ็ท
ส่วนตัว Speaker และ Microphone เราจะมองไม่เห็นจากภายนอก
ณ วันที่รีวิว พอร์ต USB-A ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์อันใด แต่น่าจะสำหรับในอนาคตเพื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์เพิ่มเติม ตัว Microphone ซึ่งน่าจะเอามาใช้งานในการสั่งงานทางเสียงแน่นอนเราต้องนั่งใกล้มัน Speaker ที่อยู่ด้านล่างเอามาใช้สำหรับฟังก์ชั่น Security เบ่นเป็น Siren ส่งเสียงเตือนภัยใน Automation ที่เราตั้งไว้ เราสามารถกำหนด Arm/Disarm จากปุ่มด้านบน หรือจากในซอฟแวร์ ส่วน TF card นั้นหลักๆคือเอาใช้เป็นเนื้อที่ในการติดตั้งพวก Software add-on เช่น eWeLink Smart Home (cloud integration), Node-red, Homebridge ซึ่งก็เป็นไอเดียที่ดีเพราะที่เก็บข้อมูล eMMC ในตัวมีแค่ 8GB ซึ่งเราจะกล่าวถึงถัดไป ตัว TF card นั้นสามารถมีความจุได้ถึง 256GB ทีเดียว
มาเปิดดูข้างในของ SONOFF iHost
ข้างในเครื่อง iHost หัวใจของ iHost ทำงานด้วย Rockchip RV1109 Dual-Core สำหรับรุ่น 2GB RAM และ Rockchip RV1126 Quad-Core CPU สำหรับรุ่น 4GB RAM ซึ่งเป็นชิปที่มีพื้นฐานจากสถาปัตยกรรมของ ARM ผลิตบนเทคโนโลยีแบบ 28nm โดย Rockchip Electronic ซึ่งเป็นบริษัท Semicon จากประเทศจีน ทั้งหน่วยประมวลผล หน่วยความจำ และที่เก็บข้อมูลทั้งหมดอยู่บน SOC เดียวกัน ทาง CNX เราได้กล่าวถึงชิปชุดนี้คร่าวๆในบทความสั้นไปเมื่อ 2021 สิ่งที่น่าสนใจคือทั้งสองตัวมี NPU (Neural Processing Unit) มาให้ด้วยซึ่งมีประโยชน์ต่อการประมวลผลทางด้าน AI ได้เป็นอย่างดี จริงๆแล้วชิปของ Rockchip ได้ถูกนำมาใช้กับพวก embedded มากกว่าเช่น กล้อง CCTV ระบบ Security หรือแม้กระทั่งพวก Drone ซึ่งก็น่าสนใจว่าทาง Sonoff จะนำมาผลิตภัณฑ์ไปอนาคตอย่างไร แต่ด้วยฟีเจอร์ทางซอฟแวร์ที่เราจะพูดถึงถัดไปน่าจะทำให้ iHost เป็น platform ที่น่าสนใจมากขึ้นด้วย
Specification
iHost จะวางขายสองรุ่นคือ 2 cores/2GB RAM/1.2 TOPS v.s. 4 cores/4GB RAM/2 TOPS (trillion operation per second) ที่เหลือจะเหมือนๆกันหมดทั้ง Wifi, Zigbee, BLE และ มี memory card เพื่อรองรับ add-on ที่จะติดตั้งในอนาคต มีพอร์ต USB-A สำหรับขยายในอนาคตเช่นกัน ดูๆแล้วมันคือน้องๆ Rasberry Pi4 แต่สเปคต่ำกว่าในมุมของความเร็วโดยรวมของหน่วยประมวลผลแต่ในราคาที่จับต้องได้นั่นเอง เนื่องจาก iHost สามารถเพิ่มฟังก์ชั่นในภายหลังผ่าน Add-on ได้ซึ่ง workload ก็จะกิน CPU และ RAM มากขึ้น เราจึงคิดว่าถ้าจะเลือกซื้อให้เลือกตัวสเปคสูงสุดไปเพื่อรองรับสิ่งที่จะเพิ่มเพราะราคาไม่ได้ต่างกันมากมาย
- Model: Albridge
- Versions: RV1109 DDR4 2G, RV1126 DDR4 4G
- Zigbee Module: Silicon Labs EFR32MG21 SoC
- Wi-Fi Module: Wi-Fi 2.4G and BLE RTL8723 wireless module
- Storage Methods: USB and SD card (max. 256 GB)
- Power Supply: 5V 2A
- Power Interface Type: USB Type-C
- Material: ABS Network Interface: RJ45
- Connection: Wi-Fi IEEE 802.11 b/g/n 2.4GHZ, Zigbee 3.0
- Color: White
- Dimensions: 120 mm x 41 mm x 135 mm
Feature
- หลักๆเลยคือเป็น Local hub สำหรับอุปกรณ์ Sonoff และค่ายอื่น ซึ่งจะเก็บข้อมูลไว้ที่ local ตลอด ทำให้รักษาเรื่อง Privacy และมี Security ที่ดีกว่า cloud ในวันที่ๆ iHost เปิดตัวมา มันสามารถใช้งานกับอุปกรณ์ Zigbee ของ Sonoff เช่น Door Sensor, Motion Sensor, Smart Curtain และอุปกรณ์ Zigbee บางตัวจากค่ายอื่นๆที่ทำตามมาตรฐานกลางของ Zigbee ดูรายชื่อของอุปกรณ์ Zigbee ที่งานร่วมกับ iHost ได้ที่นี่
- ควบคุมอุปกรณ์ Sonoff ที่เป็น Wifi ที่ setup โดย eWeLink (Cloud) โดยผ่าน Add-on ชื่อ eWeLink SmartHOme ที่ติดตั้งเพิ่มเติมในภายหลัง อุปกรณ์ต้องมีความสามารถควบคุมผ่าน LAN Control เท่านั้น ดูรายชื่อของอุปกรณ์ Wifi ที่ทำงานกับ iHost ได้ที่นี่
- All-in-One โปรโตคอล ของอุปกรณ์ Wifi, Zigbee และอื่นๆในอนาคตที่จะตามมาในอนาคต เช่น BLE, Matter โดยไม่ต้องซื้อ part เพิ่มเติม
- Platform ที่เพิ่มความสามารถอื่นๆในภายหลังได้ เช่น เชื่อมต่อกับ Node-red, HomeBridge สำหรับค่าย Apple
- Local Automation ผ่าน Smart Scene จะเป็นคนละตัวกับ Smart Scene บน Cloud ซึ่งเราต้องสร้างใหม่ทั้งหมด นั่นหมายถึงมันจะะแยก database การเก็บข้อมูลกันโดยสิ้นเชิง ซึ่ง Sonoff บอกชัดเจนแล้วว่า iHost จะเก็บทุกอย่าง local ทั้งหมดซึ่งรวมถึงข้อมูลอุปกรณ์ และ Scene แน่นอนว่าถ้าอินเตอร์เน็ตขัดข้องไปพวกนี้ก็ยังใช้ได้แน่นอน ไม่เหมือนกับ eWeLink ที่ต้องพึ่ง cloud และ internet ในการสั่งการ
การทำงาน
คนที่ใช้ eWeLink มาก่อนอาจจะต้องทำความคุ้นสักหน่อย เนื่องจาก iHost ออกแบบมาให้เป็น local control ซึ่งมันจะแยกออกจาก eWeLink cloud environment ด้วยเช่นกัน จากเดิมที่เราบริหารจัดการอุปกรณ์ผ่าน eWeLink mobile app ซึ่งต้องผ่าน Cloud มาเป็น iHost ที่ผ่านต้องผ่าน Web based แทนอย่างไรก็ตามเราสามารถเชื่อมต่อ iHost เข้ากับ eWeLink เดิมโดยการติดตั้ง add on ของ eWeLink SmartHome ซึ่งทำให้ iHost สามารถสั่งการอุปกรณ์ Sonoff ที่สนับสนุน LAN Control ได้ เราได้ถามไปยัง Sonoff ว่ามี native app ที่ใช้กับ iHost เหมือนกับที่เคยใช้ eweLink มั้ย คำตอบคือ iHost ใช้ web base และ eWeLink สำหรับ cloud
อีกสิ่งที่เราถาม Sonoff ว่าหากเราต้องการ access ตัว iHost จากนอกบ้านเพื่อควบคุมอุปกรณ์นั้นจะทำได้อย่างไร คำตอบที่ได้คือ จำเป็นต้องมีการทำ Port Mapping ที่ router ไปตัว iHost และใช้ Browser เข้ามา access iHost Cast หรือ iHost Console ซึ่งทาง Sonoff จะทำการเผยแพร่ FAQ ขั้นตอนในการทำต่อไป
การติดตั้ง SONOFF iHost
เราจะกล่าวถึงขั้นตอนหลักๆในการติดตั้งและอาจมีลิงค์เชื่อมโยงลงไปถ้าหากต้องการรู้รายละเอียดเพิ่มเติม
- เสียบสาย LAN เข้า Local network และเสียบสาย power ผ่าน USB-C รอไม่เกินหนึ่งนาทีจะมี pop-up setup เมนูขึ้นมา หรือเราสามารถคีย์ http://iHost.local ที่ browser ที่อยู่ใน LAN วงเดียวกัน เสร็จแล้วก็จะถึงหน้าจอตั้งค่าจิปาถะ เช่น Timezone, password ลองดูวิดีโอที่นี่
- ถัดไปคือการเพิ่มอุปกรณ์ Zigbee โดยการกด + โดยทำตาม video ชุดนี้
- Format TF card เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับติดตั้ง Add on ในขั้นตอนถัดไป
- ถ้าใช้ eWeLink อยู่แล้ว แล้วอยากให้ iHost เข้าไปควบคุมอุปกรณ์ ก็ทำการขออนุญาติจาก eWeLink app เพื่อเข้าถึงอุปกรณ์ Sonoff Wifi
- ขั้นตอนคือติดตั้ง Add-on eWeLink Smart Home
- Sync account จาก eWeLink จากนั้นใน GUI จะขึ้นรายชื่อของอุปกรณ์ wifi ที่ iHost ทำงานด้วยได้
- เลือกอุปกรณ์ที่จะให้ iHost เข้าไปควบคุม การทำแบบนี้ก็เหมือนกับการมีซอฟแวร์บริหารจัดการสองที่ไปอุปกรณ์ตัวเดียวกัน จากทั้ง eWeLink (วิ่งมาจาก Cloud) และ iHost (วิ่งภายในวง LAN) หลังจากนั้นอุปกรณ์ที่ Sync สำเร็จนี้จะเข้ามาอยู่ GUI พร้อมรับคำสั่งตามรูปด้านล่าง
- สร้าง Scene ตามใจชอบ หลักการก็คล้ายกับการทำใน eWeLink ดูวิดีโอได้ที่นี่
- สร้าง Cast เพื่อ Customise หน้าจอที่เหมาะกับงานนั้นๆ ดูตัวอย่างการทำในห้วข้อถัดไป หรือคลิปที่นี่
- ติดตั้ง Addon ตัวอื่นๆเพิ่มตามที่ชอบ ดูตัวอย่างหัวข้อถัดไปสำหรับการเพิ่ม Addon ของ Homebridge
เราได้ลองทำการติดตั้ง มันก็ไม่ได้ยากอะไรมากนักเพราะทาง Sonoff มีคลิป มี Online Manual มี FAQ ช่วย ขั้นตอนด้านบนเป็น cheat sheet ที่ถ้าคุณทำตามแล้วมันจะเร็วขึ้น อย่างไรก็ตามถ้าคุณเป็นคนที่คุ้นเคย eWeLink อาจจะต้องทำความคุ้นเคยสักหน่อยเพราะแนวทางไม่เหมือนกัน เราเจอปัญหานิดหน่อยตอนที่ติดตั้งพวก Add-on ต้องทำการ reset เครื่อง เราได้รายงานไปทาง Sonoff เป็นที่เรียบร้อย หวังว่าหลังจากการปรับปรุงใน firmware update จะทำให้ปัญหาพวกนี้หายไปและเรียบง่ายขึ้น
eWeLink CAST
มันเป็นสิ่งใหม่ที่ต้องพูดถึงเพราะเราจะไม่ได้ใช้ eWeLink ซึ่งเป็น native app บน Android หรือ iOS แล้วในการจัดการ iHost สั้นๆคือตัว CAST จะเป็นการ Customise หน้าจอ (Dashboard) ที่เราต้องการเพื่อจะใช้งาน จากภาพด้านล่างเวลาเราสร้าง CAST หนึ่งๆขึ้นมาเราต้องเลือกอุปกรณ์และซีนที่ต้องเอาเข้าไปอยู่ที่หน้าจอ เช่น หน้าจอ CNX จะแสดงอุปกรณ์พวก Motion sensor และ FAN switch (ใช้ S31 smart plug)
หลังจากที่สร้าง CAST เสร็จ เราก็สามารถใช้ Browser ชี้ไปที่ http://iHost.local/CAST และจะเห็นอุปกรณ์และซีนที่สร้างขึ้นโดยภาพด้านล่างโชว์จากมือถือ
เราคิดว่ามันก็ไม่เลวแนวนะกับแนวคิดนี้ที่เราสามารถออกแบบหน้าจอที่ใช้งานได้เองแยกส่วนๆ ในเรื่องของการตอบสนองดูเหมือนมันจะเร็วขึ้น แต่เรายังไม่ได้ทดลองในกรณีมีอุปกรณ์เยอะๆว่าจะเป็นอย่างไร ความสวยงามก็ดีกว่าแบบเดิมๆของ eWeLink ก็เป็นสิ่งใหม่ที่ต้องทำความคุ้นเคยเพราะเราจะคุ้นเคยกับการใช้ eWeLink mobile app มาตลอดหลายปี อย่างที่กล่าวไว้เบื้องต้นหากเราต้องการเข้าถึงหน้าจอขอ CAST จากนอกวง LAN ก็จะเป็นที่ต้องทำ Port Mapping ที่ router และทำ DDNS ด้วย ซึ่งเราหวังว่าทาง Sonoff น่าจะมีวิธีการที่ง่ายกว่านี้ในอนาคต
Add On
ต้องขอกล่าวถึงหน่อยสำหรับฟีเจอร์นี้ เป็นสิ่งที่ว้าวที่สุดสำหรับเรา เพราะไม่ค่อยเห็นใครทำ Off The Shelf ฮาร์ทแวร์แล้วเพิ่ม Add-On ได้ มันทำให้เราจินตนาการไปได้อีกไกลว่าจะมีอะไรดีๆตามมาอีก ณ ตอนนี้ Node-Red และ HomeBridge ที่ใช้ได้ ในอนาคตอันใกล้อุปกรณ์ IOT ที่ใช้ Tasmota ก็สามารถจัดการจาก iHost ได้เช่นกัน จาก Roadmap ที่เราได้เห็นและจาก Architecture ของ iHost เราคาดว่าเราคงได้เห็นฟีเจอร์ที่ใช้ความสามารถของ AI เช่น กล้อง ซึ่ง Sonoff ก็มีกล้องขายอยู่เช่นกัน อันนี้ไม่รวมถึง Matter ที่จะมาในสิ้นปีของ 2023
เราได้ลองทดสอบ HomeBridge ซึ่งเป็น Addon ที่ทำให้อุปกรณ์ iOS สามารถควบคุมอุปกรณ์ที่อยู่ภายใต้ iHost เราได้ทำการลอง setup ตาม user guide นี้ คร่าวๆคือติดตั้ง homebridge add-on ก่อน หลังจากนั้นก็เข้าไปติดตั้ง Plug in ของ Homebridge คือ Plugin eWeLink Cube แล้ว get token ตามด้วยเลือกอุปกรณ์ใน iHost ที่ต้องการให้ Homebridge เห็น หลังจากนั้นไปที่ Apple Homekit และทำการเพิ่มอุปกรณ์ซึ่งจะมีขั้นตอนการ authentication อีกนิดหน่อยเราก็จะเห็นอุปกรณ์ sonoff ใน iOS ตามรูปครั้งล่าง ซึ่งเรามีอุปกรณ์ Motion Sensor และ Door Sensor ของ Sonoff ไปโผ่ลใน Apple HomeKit แอป
SONOFF iHost Open API
ก่อนจะจบการรีวิว อีกอย่างนึงที่น่าสนใจคือ Sonoff ได้ทำการเผยแพร่ Open API เพื่อที่ให้ตัว iHost สามารถติดต่อกับ Gateway หรือ Device อื่นๆได้ทั้งสองทาง ซึ่งทาง Developer สามารถพัฒนาอุปกรณ์ปลายทางแล้วให้ iHost จัดการผ่าน Open API หรือ จะทำการเชื่อมข้อมูลระหว่าง Gateway เข้าด้วยกัน ตัวอย่างก็เช่น HomeBridge Addon ด้านบน ซึ่งมันมาเพิ่มความสามารถการทำงานร่วมกันระหว่างค่ายและเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งานเป็นอย่างยิ่ง สิ่งนี้ทำให้เกิดความสะดวกมากขึ้นเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ที่ Sonoff มี DIY mode สำหรับอุปกรณ์ตัวเท่านั้น
บทสรุป
มันเหมือนกับจุดเริ่มต้นบางสิ่ง สิ่งที่เราคาดหวังก่อน iHost ออกมาสู่ตลาด คือ ทำหน้าที่เป็น local hub ให้กับอุปกรณ์ Sonoff ทั้งหลาย แต่ Sonoff ทำมากกว่านั้น ตั้งแต่ให้มันเป็น Platform สำหรับสิ่งที่จะตามมาผ่านการอัพเดตทางซอฟแวร์จาก Open Source respository เช่น Nodered, HomeBridge และอื่นๆที่จะตาม (ดูภาพ Roadmap ด้านล่าง) และไม่จำกัดแค่อุปกรณ์ของ Sonoff ด้วยตราบใดที่เป็นไปตามมาตรฐานกลางเช่น Zigbee ถ้าเทียบกับ Home Assistant มันก็ไม่ได้หยืดหยุ่นขนาดนั้น แต่มันก็ง่ายกว่าพอสมควรสำหรับผู้ใช้ที่ไม่อยากจะใช้เวลามาดูแลมันมากนัก ไม่ต้องลงระดับ CLI ไม่ต้องมาเพิ่มฮาร์ดแวร์ในภายหลัง และต้องการใช้ผ่าน GUI เป็นหลัก นี่คือ ตลาดของ iHost เลย เรายังคงต้องติดตามต่อไปว่า Sonoff จะทยอยออกอะไรมาอีก สุดท้ายนี้คุณคิดว่า iHost ควรจะทำอะไรเพิ่มเติมอีกบ้างเราอยากรู้
ขอขอบคุณบริษัท ITEAD ที่ส่ง SONOFF iHost มาให้ทดสอบ สามารถสั่งแบบ pre-order รุ่น RV1126/4GB (Special Sale) ราคา $84.90(~2,900฿) มีคูปอง CNXSOFTSONOFF สำหรับส่วนลด 10% จะเริ่มจัดส่งได้ในวันที่ 10 พฤษภาคมนี้
หมายเหตุ: เรายังทำการทดสอบ iHost ต่อไป หากมีความคืบหน้าใดๆเราจะนำมาโพสใน Comment เพิ่มเติม
วิศวกรคอมพิวเตอร์สาย Infrastructure ที่ชื่นชอบเทคโนโลยีทางด้าน IOT เป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นด้าน Smart Home, Smart Farm และยังสนใจในนวตกรรมเกี่ยวกับ Sustainability เช่น Renewable Energy และ Organic Food