รีวิว SONOFF ZBMINIR2 : สวิตช์ Zigbee 3.0 ขนาดจิ๋วและเป็นเราเตอร์ Zigbee พร้อมใช้งานร่วมกับ eWeLink และ Home Assistant

SONOFF ZBMINIR2

หลายๆคนน่าจะคุ้นเคยกับ Mini Zigbee Switch  รุ่นแรกที่ทาง SONOFF ทำตลาดตั้งแต่ปี 2020 นั่นคือ ZBMINI มันเป็น Zigbee Switch รุ่นแรกๆ ซึ่งทำตัวเป็น Zigbee Router ด้วยในตัว และวันนี้เราได้รับ Mini Zigbee Switch รุ่นที่สองจาก SONOFF มันคือ ZBMINIR2 ซึ่งมีการอัพเกรดทั้งซอฟแวร์และฮาร์ดแวร์ โดยพัฒนามากขึ้นในหลายๆจุด เช่น ขนาดที่เล็กลง (40%) คุณภาพสัญญาณที่ดีขึ้น จำนวนอุปกรณ์ (2x) ระยะทาง (5x) และเพิ่มฟีเจอร์มากขึ้น เรามาดูกันในรายละเอียดกัน

มาเปิดกล่องดูกัน

SonoffZBMiniR2 Cover

ภายในกล่องจะมีคู่มือขนาดจิ๋วและตัวเครื่อง โดยตัวเครื่องจะมีขนาดเล็กกว่ารุ่นก่อนอยู่พอสมควรซึ่งทำให้การติดตั้งในบางกรณีง่ายขึ้นมาก ยกตัวอย่างเช่น การติดตั้งเข้าไปในบล็อคไฟที่อยู่ด้านหลังของสวิซต์ไฟเดิม ได้ทั้งแบบ EU-type/86-type/120-type เมื่อเทียบกับรุ่นพี่ ZBMINI ขนาดจะเล็กลงกว่า 40% ทีเดียว เท่าที่สังเกตุมาพวกอุปกรณ์ Mini Switch ของ SONOFF รุ่นใหม่ๆจะมีขนาดเล็กประมาณนี้ไม่ว่าจะเป็น ZBMINIL2, MiniR4, MiniR4M ที่เราเคยได้รีวิวไปเมื่อเร็วๆนี้ ดูรูปเปรียบเทียบด้านล่างประกอบ

Sonoff ZBMiniR2 Size Comparison
เปรียบเทียบ SONOFF ZBMINI กับ ZBMINIR2

พอร์ตการเชื่อมต่อยังคงเหมือนเดิม โดยรุ่นนี้ ZBMINIR2 ต้องมีทั้งสาย Neutral (N) และ สาย Line (L) ซึ่งแตกต่างจากรุ่น ZBMINIL2 ที่ไม่ต้องการสาย Neutral ดังนั้นต้องเลือกให้ถูกกับการใช้งาน ตัว ZBMINIL2 ไม่สามารถทำตัวเป็น Zigbee Router ได้ขณะที่ ZBMIIR2 ทำได้

ตัว ZBMINIR2 สามารถต่อเข้ากับสวิตซ์ภายนอกได้เหมือนรุ่นพี่ผ่านทางพอร์ต S1 และ S2 ไม่ว่าจะเป็นแบบ Door Switch, Momentary Switch, Rocker Switch, SPDT Switch เพื่อให้การทำงานเป็นแบบสองทิศทาง คือจะสั่งงานผ่านทาง eWeLink App หรือ จะกดที่สวิตซ์ภายนอกได้ นอกจากนี้ ZBMINIR2 ยังมีโหมด Detach Relay Mode ซึ่งเป็นโหมดที่เราสามารถปิดการควบคุมจากสวิตซ์ภายนอกซึ่งเหมาะกับการนำไปใช้งานเฉพาะทางได้เป็นอย่างดี

เปรียบเทียบสเปคใน Zigbee Mini รุ่นต่างๆ

Sonoff ZBMiniR2 Model Comparison

จากภาพเปรียบเทียบสเปคด้านบนเราจะเห็นขนาดที่ต่างกันอย่างชัดเจน ~40% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน การสนับสนุนอุปกรณ์ได้มากขึ้นเท่าตัวจาก 32 เป็น 64 นอกจากนี้ ZBMINIR2 ยังมีฟีเจอร์ที่ได้มาจากชิป Zigbee ตัวใหม่นั่นก็คือ Turbo Mode ซึ่งทำให้การส่งสัญญาณได้แรงขึ้น ไกลขึ้น รวมไปถึงฟีเจอร์ใหม่ๆในซอฟแวร์ เช่น Power On State, Group Control, อัพเดตซอฟแวร์ทาง OTA และ Detact Relay Mode ที่เรากล่าวไป

มาแกะดูภายใน ZBMiniR2 กัน

Sonoff ZBMiniR2 teardown
เมื่อเราได้ทำการแกะดูภายในตัว ZBMINIR2 ดูเหมือนว่าบอร์ดควบคุมหลักจะบอร์ดแบบเดียวกับรุ่น MiniR4 (เวอร์ชั่น Wifi) เพียงแต่มีแผงวงจรชิป Zigbee เพิ่มขึ้นมาติดตั้งข้างๆของบอร์ดหลัก มันคือชิปยอดนิยม EFR32MG21 จาก Silicon Labs เราได้เคยรีวิวไปหลายครั้งกับอุปกรณ์ Zigbee ใหม่ๆของ SONOFF ซึ่งใช้ชิปตัวนี้ ข้อดีของชิปนนี้คือ มันมีประสิทธิภาพดีขึ้น ไม่ว่าการรับส่งสัญญาณ การทวนสัญญาณ ทาง SONOFF เคลมว่าถ้าเทียบกับรุ่นเก่า สัญญาณจะไปได้ไกลขึ้นกว่า 5 เท่า และแน่นอนเราจะมาทำการทดสอบความแรงในการรีวิวนี้ด้วย

Sonoff ZBMiniR2 teardown SonoffZBMiniR2 Unbox3

สเปคของ SONOFF ZBMINIR2:

  • MCU –  Silicon Labs EFR32MG21 ไมโครคอนโทรลเลอร์ Arm Cortex-M33 @ 76.8 MHz Zigbee ที่มี flash สูงสุด 512 kB และ RAM สูงสุด 32 kB เช่นเดียวกับใน ZBMINIL2
  • การเชื่อมต่อ – Zigbee 3.0
  • อินพุต – 100-240V ~ 50/60Hz 10A สูงสุด
  • เอาท์พุต – 100-240V ~ 50/60Hz 10A สูงสุด (2400 วัตต์)
  • สวิตช์ภายนอก – input terminal S1 และ S2
  • ขนาด – 39.5 x 33 x 16.8 มม.
  • น้ำหนัก – 26.7 กรัม
  • วัสดุเคส – พลาสติก PC V0

มาทดสอบการใช้งานร่วมกับ eWeLink

เนื่องจากอุปกรณ์ ZBMINIR2 เป็นแบบ Zigbee ดังนั้นเราจำเป็นที่ต้องมี Zigbee Hub/Coordinator ก่อนเพื่อสื่อสารกับ ZBMINIR2 ซึ่ง SONOFF มีหลายรุ่นให้เลือกใช้ตั้งแต่ SONOFF NSPanel Pro (มีหน้าจอ), SONOFF iHost, SONOFF ZB Bridge/ZB Bridge-P/ZB Bridge-U หรือสามารถไปใช้กับต่างค่ายได้ เช่น Philips Hue, SmartThings hub v3, Echo Plus 2nd gen

ขั้นตอนการเพิ่ม ZBMINIR2 เข้าไปใน eWeLink ก็เหมือนกับการเพิ่มอุปกรณ์ Zigbee ปกติ ดูตามรูปด้านล่างได้เลย เริ่มจากการกดปุ่ม “+” และกดปุ่มที่ตัวเครื่อง ZBMINIR2 จนไฟกระพริบ พอ ZBMINIR2 ถูกเพิ่มเข้ามาใน eWeLink เราก็สามารถควบคุมเปิดปิดได้ตามปกติ

Sonoff ZBMiniR2 eWeLink Setup

ส่วนถัดไปที่เราสามารถตั้งค่าเพิ่มเติม (อยู่ที่ว่าเราจะเอาไปใช้อะไร) ได้ใน eWeLink คือ

  • Switch Mode: การตั้งค่ารูปแบบการต่อกับสวิตซ์ภายนอก ขึ้นอยู่กับเราไปต่อกับสวิตซ์ภายนอกแบบใด
  • Turbo Mode: อยู่ภายใต้ Pilot Features ซึ่งเป็นการเพิ่มความแรงของสัญญาณ Zigbee
  • Power On State: การตั้งค่าของสวิตซ์เมื่อไฟป้อนกลับมาปกติ เช่น ให้ On หรือ Off
  • Inching: คือการตั้งค่าให้ Auto-On หรือ Auto-Off หลังจากที่เราเปิดอุปกรณ์ คล้ายๆกับการตั้ง delay อัตโนมัติให้ปิดหรือเปิด

eWeLink Setup

มาทดสอบการใช้งานร่วมกับ Home Assistant

ถัดไปเราจะทำการทดสอบ ZBMINIR2 กับ Home Assistant โดยตรงโดยที่ไม่ผ่าน eWeLink หมายถึงไม่จำเป็นต้องใช้ eWeLink ทำการ setup มาก่อน สามารถ setup หรือ เพิ่มอุปกรณ์โดยตรงเข้า Home Assistant ได้เลย

ใน Home Assistant เซิฟเวอร์ก็ต้องมี Zigbee Coordinator (Hub) ติดตั้งอยู่ก่อน ยกตัวอย่างเช่น SONOFF Zigbee USB Dongle รุ่น P หรือ รุ่น E ชุดฮาร์ดแวร์และซอฟแวร์ที่เราใช้ในการทดสอบคือ

  • Home Assistant OS: 12.2
  • Home Assistant Software:  2024.9.1 บนเครื่อง Rasberry Pi4B, 8GB RAM
  • Zigbee Coordinator: SONOFF Zigbee USB Dongle รุ่น E
  • Zigbee Software Integration: Zigbee2MQTT version 1.40.2

เราเลือกใช้ Integration ของ Zigbee2MQTT มาทดสอบเพราะว่า มันสามารถดึงเอาฟีเจอร์ทุกอย่างที่ ZBMINIR2 มี ซึ่งจะต่างกับ ZHA ที่เราได้ Entity และฟีเจอร์มาไม่ครบทำให้ไม่สามารถใช้ประสิทธิภาพของ ZBMINIR2 ได้อย่างสูงสุดถ้าเทียบกับ Zigbee2MQTT

จากรูปด้านล่างเราได้ทดลองค้นหา ZBMINIR2 จาก UI ของ Zigbee2MQTT พบว่าเราเห็นฟีเจอร์เทียบเท่าที่เรามีใน eWeLink ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น State, Power on State, Turbo Mode, Detach Relay, Inching, Delay On, Switch Mode ซึ่งถือว่าดีมากกับการให้ทางเลือกกับผู้ใช้

Sonoff ZBMiniR2 HomeAssistant Z2M 1 Sonoff ZBMiniR2 HomeAssistant Z2M 2

เนื่องจากทาง SONOFF เคลมมาว่า ZBMINIR2 จะสามารถส่งสัญญาณไปได้ไกลขึ้นกว่าเดิม เราเลยทำการทดสอบคุณภาพของสัญญาณโดยเทียบกับรุ่น ZBMINI เดิม โดยเราทำการเปิดโหมด Turbo ใน ZBMINIR2 เพื่อให้การส่งสัญญาณแรงที่สุด

จากรูปเราได้ติดตั้ง ZBMINI (เดิม) และ ZBMINIR2 ในโคมไฟตั้งโต๊ะและตั้งพื้นตามลำดับ โดยทั้งสองตัวมีการต่อกับสวิซต์ภายนอกไว้เปิดปิดปกติ

Sonoff ZBMiniR2 ZB Range Test Installจากนั้นก็เอาโคมไฟทั้งสองไปติดตั้งในสถานที่ๆต่างกัน โดย ZBMINI ติดตั้งใกล้ๆกับ Zigbee Coordinator เลยซึ่งระยะห่างก็ประมาณ 3 เมตร มีกำแพงขวางหนึ่งชั้น ขณะที่ ZBMINIR2 อยู่ไกลออกไปเกือบๆ 35m และต้องผ่านผนังอาคารและผนังรั้วที่มีความหนาเกือบฟุต รวมไปถึงผนังกระจก

Sonoff ZBMiniR2 ZB Range Test Map

เพื่อให้แน่ใจว่าทั้งสองอุปกรณ์ติดต่อตรงกับ Zigbee Coordinator ไม่ผ่าน Zigbee Repeater ใดๆ เราได้ให้ Zigbee2MQTT โชว์แผนที่การเชื่อมต่อตามรูป ดูที่เส้นทึบเป็นหลัก
SonoffZBMiniR2 ZB Map

การเปรียบเทียบคุณภาพการรับส่งข้อมูลเราใช้ค่า LQI โดยนำมาจาก Entity ใน Home Assistant ของทั้ง ZBMINI และ ZBMINIR2 ตามรูปด้านล่าง เป็นที่น่าสังเกตุว่า ถึงแม้ว่า ZBMINIR2 จะอยู่ไกลออกไปเกือบ 10 เท่าและมีกำแพงขวางมากกว่า แต่กลับมีค่า LQI ที่สูงเกือบเท่าอุปกรณ์อีกตัว SNZB-06P ที่อยู่ใกล้ ZBMINI ขณะที่ ZBMINI มีแต้มต่อมากกว่ากลับมีคุณภาพการรับส่งข้อมูลที่แย่กว่ามาก  เราได้ทำการใช้งานจริง ZBMINIR2 อยู่หลายวันโดยทำการ schedule เปิดปิด เปิดปิดแบบ ad-hoc พบว่าการตอบสนองเป็นไปเกือบในทันที

Zigbee Router SignalTest

บทสรุป

จากที่เราได้ทดสอบมาหลายทิตย์ ZBMINIR2 เป็น Zigbee Mini Switch ที่ดีทีเดียว ขนาดที่เล็กลงจนสามารถใส่เข้าไปในบล็อคไฟแบบ EU-type/86-type/120-type ได้หรือเอาไป DIY ซ่อนในอุปกรณ์ต่างๆเช่นโคมไฟได้เป็นอย่างดี และที่น่าประทับใจคือสัญญาณ Zigbee ที่แรงขึ้นกว่าเดิมเยอะด้วย Turbo Mode เมื่อพิจารณาจากผลการทดสอบด้านบนทำให้เราคิดว่ามันเป็น Zigbee Router ที่ควรจะจัดหาไปติดตั้งในมุมต่างๆของบ้านในหลายรูปแบบเพื่อสร้าง Zigbee Network ที่ครอบคลุม อีกทั้งยังสนับสนุนจำนวนอุปกรณ์ที่มากถึง 64 ตัว นอกจากนี้ซอฟแวร์ฟีเจอร์ใหม่ๆ เช่น Auto-On, Detach Relay, Inching ทั้ง On และ Off ทำให้มันสามารถเอาไปประยุกต์ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบมากใกล้เคียงกับรุ่นพี่ MiniR4 เพียงแต่ใช้โปรโตคอล Zigbee

ขอบคุณ ITEAD ที่ส่ง SONOFF ZBMINIR2 หรือ SONOFF ZBMini Extreme แบบต้องใช้สาย N (Neutral) มาให้รีวิวในครั้งนี้ ซึ่งจำหน่ายในราคา $12.90(~400฿) ในร้านออนไลน์ และยังสามารถใช้คูปองโค้ด CNXSOFTSONOFF เพื่อรับส่วนลด 10%

FacebookTwitterLineEmailShare

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

โฆษณา
โฆษณา