รีวิว BP Doctor PRO : 2-in-1 สมาร์ทวอทช์ และเครื่องวัดความดัน

ถ้าฉันต้องการตรวจความดันโลหิตและสุขภาพร่างกาย ฉันจะต้องใช้เครื่องวัดความดันแบบบลูทูธ (Koogeek BP2) กับ fitness tracker (สายวัดอัจฉริยะ)/สมาร์ทวอทช์ (นาฬิกาอัจฉริยะ) เช่น  Weloop Key S3

มันสามารถทำได้, แต่ WearWiz ได้คิดค้นบางสิ่งที่มีขนาดเล็กยิ่งขึ้นด้วย BP Doctor Pro 2-in-1 ที่ทำหน้าที่เป็นทั้ง นาฬิกาอัจฉริยะ/สายวัดอัจฉริยะ และเครื่องวัดความดันโลหิต ราคา $299 (~10,500฿) มีราคาถูกกว่า Omron Heartguide ที่ได้รับการรับรองคุณภาพจาก FDA มีราคา $500(~17,700฿)

บริษัท WearWiz ได้ส่งตัวอย่าง BP Doctor PRO ให้ CNX Software เพื่อทดสอบ ดังนั้นเราจะมาดูนาฬิกาอัจฉริยะ และอุปกรณ์เสริม, แอพ Android และคุณสมบัติต่างๆ เช่น กาวัดความดันโลหิต, อัตราการเต้นของหัวใจ, การวัดค่าออกซิเจนในเลือด และอื่นๆ บทความค่อนข้างยาว ดังนั้นสามารถแบ่งได้เป็น 2 ส่วนดังนี้:

  1. ตรวจวัดความดันโลหิตด้วยสมาร์ทวอทช์ BP Doctor PRO

  2. สรุปข้อดีและข้อเสีย

แกะกล่อง BP Doctor PRO

BP Doctor PRO มากับแพ็คเกจกล่องกระดาษสีดำที่มีโลโก้และข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับนาฬิกา Y001S

แต่สิ่งที่สำคัญคือสิ่งที่อยู่ข้างใน

ประกอบไปด้วย สมาร์ทวอทช์, แท่นชาร์จพร้อมสายไมโคร USB, เทปวัด, คู่มือการใช้งานเบื้องต้น

มีสายคาด air cuff อยู่กับสายรัดข้อมือเพื่อวัดความดัน, เซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ (HRM) และ 4 ตุ่มเพื่อเชื่อมต่อกับแท่นชาร์จ

ข้อมูลสเปคของ BP Doctor PRO

นี่คือข้อที่ระบุไว้ในคู่มือผู้ใช้:

  • MCU – ไมโครคอนโทรลเลอร์ MediaTek @ 208 MHz อาจเป็น ไมโครคอนโทรลเลอร์ MT2523D Cortex-M4
  • หน่วยความจำ – “256M” นั่นอาจหมายถึงหน่วยความจำแฟลช 256Mbit
  • หน้าจอแสดงผล – หน้าจอสัมผัส AMOLED ขนาด 1.41 นิ้ว ความละเอียด 360×320
  • การเชื่อมต่อไร้สาย – Bluetooth LE 4.2
  • เซ็นเซอร์ – เซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นหัวใจ PPG, เซ็นเซอร์ความเร่ง 3 แกน, เซ็นเซอร์ไจโรสโคป และเซ็นเซอร์ความดัน
  • แบตเตอรี่ – แบตเตอรี่ลิเธียม 170 mAh
  • ขนาด – 54 x 35 x 12.9 มม. (ตัวเครื่องสแตนเลสเกรดทางการแพทย์)
  • น้ำหนัก – 80 กรัม

ฉันไม่พบข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับการกันน้ำ ดังนั้นฉันจึงถาม และฉันได้รับแจ้งว่าในขณะที่นาฬิกาได้รับการจัดอันดับ IPX6 แต่สายนาฬิกา air cuff ไม่สามารถเปียกได้ ดังนั้นจึงไม่สามารถใช้เป็นนาฬิกากันน้ำได้ นาฬิกาผ่านการทดสอบมาตรฐาน CE แต่ไม่ได้รับการรับรองคุณภาพจาก FDA ถ้าสิ่งหลังสำคัญสำหรับคุณ ผลิตภัณฑ์รุ่นที่สอง BP Doctor MED กำลังอยู่ในขั้นตอนขอใบรับรองจาก FDA

การติดตั้งเบื้องต้น

เมื่อฉันได้รับนาฬิกา มีการชาร์จมาแล้ว 80% คุณอาจต้องการชาร์จก่อนใช้งาน แต่ฉันไม่ได้ทำ…

การกดปุ่มเล็กๆ (ปุ่มเปิด/ปิด) จะเป็นการเปิดนาฬิกาเพื่อจะเข้าสู่โหมด “การจับคู่บลูทูธ” และเราจะได้รับแจ้งให้ติดตั้งแอป “BP Doctor”

ดังนั้นฉันจึงโหลด แอพ Bp Doctor Plus จาก Google Play Store

หลังจากยอมรับข้อตกลงผู้ใช้และนโยบายความเป็นส่วนตัว ให้คุณเลือกลงทะเบียนบัญชีด้วยอีเมลหรือหมายเลขโทรศัพท์ ฉันเลือกทะเบียนด้วยอีเมล และได้รับอีเมลยืนยันพร้อมรหัส

ในขั้นตอนต่อไป คุณจะต้องป้อนข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกต้อง ข้อมูลต่างๆ เช่น ส่วนสูง น้ำหนัก เพศ ฯลฯ แนะนำให้ใส่ข้อมูลจริงไปได้เลย   เมื่อเสร็จแล้วสามารถเริ่มกระบวนการจับคู่ผ่านบลูทูธได้

สามารถทำงานได้อย่างราบรื่น ตามที่คุณเห็นจากภาพหน้าจอ ใช้เวลาเพียง 2 ถึง 3 นาทีจึงจะเสร็จสมบูรณ์ และฉัน screenshots จึงช้ากว่าผู้ใช้ทั่วไป

 

ตอนนี้เราสามารถดูหน้าปัดเริ่มต้นบนสมาร์ตวอทช์ได้แล้ว และครั้งแรกที่เห็นฉันรู้สึก WOW! มันดูดีมาก! หน้าจอ AMOLED นั้นคมชัดด้วยสีสันสดใสและดูดีกว่า e-paper  มีข้อเสียอยู่บ้าง เนื่องจากเป็นหน้าจอ AMOLED ทำให้สิ้นเปลืองพลังงานแบตเตอรี่จะหมดไว จึงไม่สามารถเปิดทิ้งไว้ได้ตลอดเวลา ดังนั้นโดยค่าเริ่มต้น หน้าจอจะปิดลงหลังจาก 5 วินาที และคุณจะต้องกดปุ่มโฮมหรือปุ่มเปิด/ปิดทุกครั้งที่ต้องการจะดูนาฬิกาของคุณ หรืออย่างที่ฉันทำ ให้เปิดใช้งานฟังก์ชันยกแขนเพื่อเปิดหน้าจอ การอ่านมองไม่เห็นหน้าจอเมื่ออยู่ในแสงจ้า แม้ว่าจะเลือกความสว่างสูงสุดไว้ก็ตาม

การทำงานของหน้าจอ

วางโทรศัพท์ไว้ด้านข้างสักครู่แล้วตรวจสอบอินเทอร์เฟซของนาฬิกา

เราสามารถเข้าถึงหน้าจอคุณสมบัติหลักของนาฬิกาได้อย่างรวดเร็วโดยการปัดไปทางซ้ายหรือขวาเพื่อเข้าถึงข้อมูลกิจกรรมประจำวันของคุณ (ระยะทาง, แคลอรีที่เผาผลาญ และจำนวนก้าว) การวัดความดันโลหิตล่าสุด, ข้อมูลอัตราการเต้นของหัวใจ และเปอร์เซ็นต์ Sp02 หรือค่าออกซิเจนในเลือด

หากต้องการใช้ฟังก์ชันเพิ่มเติม คุณจะต้องกดปุ่มโฮม เพื่อเรียกใช้เมนูตัวเลือกหลายรายการ มาดูตัวเลือกแต่ละอันกัน

BP เป็นฟังก์ชั่นการวัดความดันโลหิตด้วยโหมดมาตรฐานที่จะซิงโครไนซ์กับแอพมือถือเพื่อเก็บประวัติการวัดและโหมด Guest ในกรณีที่คุณต้องการตรวจวัดจากเพื่อนหรือครอบครัว และไม่เลอะเทอะกับข้อมูลของคุณเอง ฉันจะไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำงานของความดันโลหิตในส่วนอื่นด้านล่าง

SpO2 หรือค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดปกติค่าของระดับออกซิเจนในเลือดจะอยู่ที่ 95–100%  ข้อมูลนี้ยังช่วยตรวจผู้ที่มีความเสี่ยงของภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับได้ และผู้ป่วยโควิด-19 ระดับออกซิเจนในเลือดจะต่ำกว่า 90% ซึ่งวัดได้ง่ายมากเพียงเข้าสู่เมนูแล้วรอสองสามวินาที แต่ฉันไม่พบผู้ที่เป็นโควิด-19 ระหว่างการตรวจสอบนี้ สำหรับฉันระดับออกซิเจนในเลือดจะอยู่ที่  98% แปลว่าในขณะนี้ฉันมีสุขภาพดี และฉันพยายามกลั้นหายใจเป็นเวลา 30 วินาทีก่อนทำการวัดค่า แต่ก็ได้ผลลัพธ์เช่นเดียวกัน ฉันไม่รู้ทดสอบอย่างไร กับภาวะหยุดหายใจขณะหลับและฉันคิดว่าถ้าเปิดใช้งานตัวเลือกนี้ นาฬิกาจะสั่น

ฟังก์ชัน HR เป็นการตรวจสอบอัตราการเต้นของหัวใจทำงานได้ตามที่คาดไว้ และไม่ต้องทริกเกอร์มันด้วยตนเองในระหว่างการใช้งานปกติ เราสามารถเปิดใช้งานการวัดอัตโนมัติ (Auto MEAS) เพื่อให้ทำการวัดโดยอัตโนมัติทุกสองสามนาทีและซิงโครไนซ์ข้อมูลกับแอป

ฟังก์ชัน Workout เป็นการออกกำลังกายมีสามตัวเลือก: การเดินกลางแจ้ง (Outdoor Walking), การวิ่งในร่ม (Indoor Running) และการวิ่งกลางแจ้ง (Outdoor Running) ฉันทดลองทั้งการเดินกลางแจ้งและการวิ่งกลางแจ้ง และมันได้ผลเหมือนกัน ดังนั้นมันจึงต้องคำนวณความยาวของก้าวที่แตกต่างกัน

คุณจะเห็นเวลา, ระยะทางและก้าวโดยประมาณเนื่องจากไม่มี GPS และอัตราการเต้นของหัวใจที่วัดได้ โปรดทราบว่าฟังก์ชัน “raise to wake หรือ ยกขึ้นเพื่อปลุก” (คือฟังก์ชัน เพียงคุณยกหรือเอียงนาฬฺกาขึ้นหน้าจอจะสว่างขึ้นโดยอัตโนมัติ) แต่ในขณะวิ่งจะไม่สามารถทำงาน ดังนั้นคุณจะต้องกดปุ่มโฮมเพื่อตรวจสอบ หรือเปลี่ยนการตั้งค่าการแสดงผลเป็น “Always On หรือ เปิดตลอดเวลา” หากคุณกดปุ่มโฮมสองครั้ง เครื่องจะหยุดการทำงาน และ “double-clicking” มันบังเอิญเกิดขึ้นกับฉันขณะวิ่ง

หากเราเลื่อนลงมา จะมีตัวเลือกเพิ่มเติม

Alarm หรือนาฬิกาปลุก ไม่เพียงแต่ใช้งานเพื่อปลุกเท่านั้น แต่ยังใช้สำหรับเตือนเวลากินยาได้อีกด้วย ดังนั้นจึงเป็นเครื่องเตือนใจที่จะบอกให้ผู้ป่วยกินยาตรงเวลา เมื่อนาฬิกาปลุกทำงาน นาฬิกาจะสั่นเตือน พร้อมแสดงเวลาและเหตุผลในการปลุก (การปลุก, ยา ฯลฯ…) โปรดทราบว่ามอเตอร์สั่นไม่แรงมาก ดังนั้นฟังก์ชันปลุกอาจใช้ไม่ได้สำหรับทุกคน…

ฟังก์ชัน calorie หรือ แคลอรี่จะแสดงการเผาผลาญแคลอรี่โดยประมาณสำหรับ BMR (basal metabolic rate หรือ ค่าเผาผลาญพลังงานขั้นต่ำต่อวัน) ตลอดจนกิจกรรมการออกกำลังกายและการเดิน

โหมด Sleep หากคุณไม่สวมนาฬิกาขณะนอนหลับ คุณจะเห็น “ไม่มีบันทึกการนอนหลับ” แต่หากทำ นาฬิกาจะตรวจสอบสถานะการนอนหลับของคุณโดยอัตโนมัติ คะแนนคุณภาพการนอนหลับดีเพียงใด จะแยกเป็นช่วงเวลา หลับตื้น, หลับลึก และตื่น

ฟังก์ชัน Weather หรือ สภาพอากาศ ทำงานโดยอัตโนมัติ และฉันไม่ต้องตั้งค่าใดๆ เลย หากเราเลื่อนลงมาอีกครั้งในเมนู เราจะเห็นไอคอน HRV และการตั้งค่า

HRV (Heart Rate Variability หรือ อัตราการผันแปรของการเต้นของหัวใจ)  จะวัดในเวลากลางคืน ดังนั้นหากคุณไม่ใส่นาฬิกาขณะนอนหลับ คุณจะเห็นแผนภูมิสีดำ (ภาพบนด้านซ้าย), แต่ถ้าใส่นาฬิกา คุณจะเห็นแผนภาพข้อมูลที่มีจุดสีแดง (ภาพบนด้านขวา) จะมีรายละเอียดเพิ่มเติมในแอป การวัด HRV สามารถช่วยระบุความผิดปกติ และ HRV ที่ลดลงนั้นสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของการเสียชีวิต ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ และหัวใจวาย ในขณะที่ HRV ที่สูงขึ้นอาจบ่งบอกถึงภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะตามที่อธิบายไว้ในบทความบน Health.com

ส่วนการ Settings หรือการตั้งค่า มีตัวเลือกบางอย่างในการแสดงผลหน้าจอ, การเปิดใช้งานการแจ้งเตือน, การเลือกภาษาและUnit และการรีเซ็ตนาฬิกาเป็นค่าเริ่มต้นจากโรงงาน

Display คุณสามารถตั้งเวลาหน้าจอได้ตั้งแต่ 5 ถึง 20 วินาที} ปรับความสว่าง, ตั้งค่า always on คือหน้าจอเปิดตลอดเวลา (ไม่แนะนำเนื่องจากจะเปลืองแบตเตอรี่มาก), raise to wake คือ ยกขึ้นเพื่อปลุก เพียงคุณยกหรือเอียงนาฬฺกาขึ้นหน้าจอจะสว่างขึ้นโดยอัตโนมัติ (นั่นคือตัวเลือกที่ฉันต้องการ) และเปลี่ยนรูปแบบหน้าปัดนาฬิกา

จากรูปข้างบน เป็นหน้าปัดนาฬิกาที่ได้รับการติดตั้งไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่คุณยังสามารถเลือกบางส่วนจากแอป และดาวน์โหลดไปยังแอปได้

Alert มีการแจ้งเตือนสองแบบ คือ Apnea alert หรือ การแจ้งเตือนภาวะหยุดหายใจ จะเกิดขึ้นหากคุณมีอาการหยุดหายใจขณะหลับ และ Move it หรือการเคลื่อนไหวจะเกิดขึ้นหากคุณนั่งบนเก้าอี้นานเกินไป เช่นเดียวกับนาฬิกาปลุก นาฬิกาจะสั่นและแสดงเหตุผลด้วยภาพสำหรับการแจ้งเตือน

นาฬิกาจะรองรับได้ 5 ภาษา คือ จีนตัวย่อ, จีนตัวเต็ม, อังกฤษ, ญี่ปุ่น และสเปน ภาษาชุดย่อยนี้อาจส่งผลต่อความสามารถในการอ่านข้อความจากสมาร์ทโฟนของคุณ (เช่น SMS, Facebook Messenger, LINE, Whatsapp…) ในภาษาที่ไม่รองรับ ตัวอย่างเช่น นาฬิกาจะไม่สามารถแสดงข้อความที่เขียนเป็นภาษาไทยได้

ฟังก์ชัน Unit ช่วยให้คุณเลือกได้ว่าจะให้แสดงระยะทางเป็นกิโลเมตรหรือไมล์ และอุณหภูมิเป็นเซลเซียสหรือฟาเรนไฮต์ การรีเซ็ตจะลบข้อมูลทั้งหมด และคืนค่านาฬิกากลับเป็นการตั้งค่าจากโรงงาน

การตรวจวัดความดันโลหิตด้วยสมาร์ทวอทช์ BP Doctor PRO

มาดูฟังก์ชั่นวัดความดันโลหิตกันดีกว่า แต่ก่อนหน้านั้น ฉันวัดความดันโลหิตด้วยเครื่องวัดความดันโลหิต Koogeek BP2 ที่ใช้ผ้าพันแขนแบบเป่าลมแบบดั้งเดิม

ค่า SYS/DIA เท่ากับ 104/55 และอัตราการเต้นของหัวใจเท่ากับ 61 ครั้งต่อนาที

ขั้นตอนแรกก่อนใช้สมาร์ทวอช BP Doctor PRO ในการวัดความดันโลหิตคือการใช้เทปวัดโดยวางข้อแขนโดยห่างจากฐานฝ่ามือประมาณ 2 นิ้ว เพื่อตรวจสอบรูที่คุณควรใช้บนสายรัดข้อมือ

ในกรณีของฉัน ฉันต้องเลือกหลุมที่ 7 ก่อนเริ่มการวัด นาฬิกาควรอยู่ห่างจากฝ่ามือประมาณ 2 นิ้วและรู้สึกว่าพอดีข้อมือของคุณ การวางนาฬิกาไว้ที่ระดับหัวใจเป็นสิ่งสำคัญมาก ดังนั้นคุณสามารถวางแขนแนบกับหน้าอกหรือบนกล่อง เช่น กล่องของนาฬิกาขณะนั่งอยู่ที่โต๊ะ และการผ่อนคลายระหว่างการตรวจวัดก็สำคัญเช่นกัน และต้องแน่ใจว่าคุณไม่ได้ออกกำลังกายหรือดื่มกาแฟ/เครื่องดื่มชูกำลังอย่างน้อย 30 นาทีก่อนการวัด, ห้ามพูดหรือขยับตัวระหว่างการวัดเช่นกัน

มีสองวิธีในการเริ่มการวัดความดัน โดยผ่านเมนู หรือโดยการกดปุ่มโฮมเป็นเวลาสองวินาที ซึ่งในกรณีนี้ การวัดจะเริ่มโดยอัตโนมัติ

สาย air cuff ค่อยๆ พองออกโดยรู้สึกแน่นและแน่นขึ้นรอบๆ ข้อมือของคุณ โดยที่หมายเลข SYS จะเพิ่มขึ้น และเมื่อการวัดเสร็จสิ้น ซึ่งน่าจะใช้เวลาประมาณ 30 วินาที คุณจะได้ตัวเลข SYS/DIA ในหน่วย mmHg  ฉันวัดค่าได้ 110/68 mmHg และ 65 bpm ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวเลข 104/55 mmHg และ 61 bpm ที่ฉันได้รับจาก BP2 ในแง่ความรู้สึกผลลัพธ์ทั้งสองยังคงอยู่ในโซนปลอดภัย

ฉันยังถ่ายวิดีโอสั้น ๆ สำหรับผู้ที่ต้องการคำอธิบายด้วยภาพมากกว่า

อัปเดต : การวัดครั้งแรกของฉันล้มเหลว เนื่องจากฉันวางนาฬิกาผิดคือ วางไว้บนกล่องแล้วกดสตาร์ท ซึ่งมีผลต่อการวัด ที่จริงแล้วหน้าปัดนาฬิกาควรอยู่ด้านบนของกล่อง และนาฬิกาควรอยู่ใน “กลางอากาศ” ตามที่แสดงในภาพประกอบด้านล่าง

แอพ BP Doctor Plus สำหรับ Android

แม้ว่าจะสามารถใช้นาฬิกาได้โดยไม่ต้องใช้แอป แต่หลังจากการตั้งค่าเริ่มต้นใน BP Doctor Plus คุณจะได้รับการวิเคราะห์และประวัติสุขภาพส่วนบุคคล

หน้าหลักของแอป BP Doctor Plus มีข้อมูลทั้งหมดสำหรับวันปัจจุบันในหน้าเดียวที่มีข้อมูลBP หรือการวัดความดันโลหิต, SpO2 หรือการวัดค่าออกซิเจนในเลือด, HRV หรืออัตราการเต้นของหัวใจ , น้ำหนัก, ข้อมูลการออกกำลังกาย, การนับก้าว, แคลอรีที่เผาผลาญ, และการนอนหลับ สำหรับเมตริกบางรายการ คุณยังระบุได้ด้วยว่ามีปัญหาหรือไม่ ตัวอย่างเช่น ในขณะที่ข้อมูล HRV อัตราการเต้นของหัวใจของฉันดูดี (โซนสีเขียว) น้ำหนักของฉันค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับส่วนสูงของฉัน และคะแนน BMI ของฉันทำให้ฉันมีน้ำหนักเกินเล็กน้อย

หากเป็นหน้า BP คุณจะเข้าสู่ประวัติซึ่งคุณสามารถดูประวัติตามวัน เดือน และปี และดูว่าผลลัพธ์เป็นปกติหรือไม่ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วฉันมีสองผลลัพธ์ที่สูงเล็กน้อย ค่าวัดแรกเน้นว่า “ไม่ใช่ฉัน” เป็นค่าการวัดของผู้หญิงอ้วนที่เป็นเพื่อนของแฟนฉัน ค่าจึงออกมาสูง และฉันไม่แน่ใจว่าพวกเขาปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างถูกต้องหรือไม่ (เช่น ดูระดับหัวใจ) ที่จริงควรใช้ “guest mode” จากนาฬิกาในกรณีนั้นเพื่อไม่ให้ข้อมูลเลอะเทอะ ค่าวัดที่สองที่เน้นว่าคือ “ฉัน” เป็นการวัดหลังจากถือกระเป๋าเดินทางและกล่องสักสองสามนาที ฉันไม่คิดไม่เป็นการออกกำลังกาย แต่การวัดได้จบลงที่ 126/80 mmHg และ 64 bpm และมีคุณสมบัติเป็น (ความดันโลหิตสูง) “ระยะที่ 1” แต่เมื่อวัดครั้งต่อไปก็ไม่เป็นแบบนี้อีก

ประวัติ SpO2 หรือการวัดค่าออกซิเจนในเลือด สำหรับฉันแล้วมันไม่น่าสนใจ เนื่องจากฉันได้ 98% ทุกวัน

หน้าที่แสดงอัตราการเต้นของหัวใจ จะแสดงอัตราการเต้นของหัวใจต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง โดยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในขณะที่การออกกำลังกาย และมีค่าเป็น 0 หากถอดนาฬิกาออก เพื่อชาร์จนาฬิกาหรืออาบน้ำ

การวัดค่า HRV หรืออัตราการเส้นของหัวเริ่มในเวลากลางคืนประมาณ 00:40 น. และใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง แอปพลิเคชันถือว่าค่าที่สูงกว่า 60 เป็นเรื่องปกติ และถ้าต่ำกว่า 40 จะเป็นค่าผิดปกติ นอกจากนี้ยังนำเสนอแผนภาพการกระจาย Lorenz  (Scatter Plot) ที่สามารถบ่งบอกถึงเงื่อนไขพิเศษ แผนภาพรูปดาวหางถือเป็นเรื่องปกติ, แผนภาพเป็นรูปจรวดอาจบ่งบอกถึงการกรนหรือภาวะหยุดหายใจขณะหลับ และรูปร่างอื่นๆ อาจบ่งบอกถึงสภาวะที่ร้ายแรงกว่า แตะที่พล็อตเฉพาะจะเสนอรายละเอียดเพิ่มเติม

Weight มีประโยชน์หากคุณจะลดน้ำหนักและอัปเดตบันทึกทุกวัน แต่ฉันยังไม่ได้ทำเพียงแค่อัปเดตสองครั้งเท่านั้น

Workout หรือ การออกกำลังกายช่วยให้ติดตามกิจกรรมการออกกำลังกายของคุณทุกวันด้วยระยะเวลา, จำนวนก้าว, ก้าวเฉลี่ย, แคลอรีที่เผาผลาญ และอัตราการเต้นของหัวใจโดยเฉลี่ย เนื่องจากไม่มี GPS ในนาฬิกา คุณจะไม่ได้รับแผนที่การวิ่งหรือเดินของคุณเหมือนกับสมาร์ทวอทช์อื่นๆ นอกจากนี้ยังหมายถึงระยะทางที่ไม่แม่นยำด้วย จากการวิ่งกลางแจ้ง outdoor running แสดงระยะทาง 2.57 กม. แต่ที่จริงแล้ว 3 กม.

แต่ระยะทางจะอยู่ในช่วงที่ยอมรับได้ ใกล้เคียงความจริง ภาพหน้าจอด้านบนแสดงแอพ Nike Run Club (ใช้ GPS บนโทรศัพท์ของฉัน) แสดงระยะทางการวิ่ง 4.28 กม. และใน Bp Doctor Plus แสดงระยะทางการ 4.48 กม.

calories burned สามารถตรวจสอบแคลอรีที่เผาผลาญตามวัน เดือน และปี

Sleep สำหรับบันทึกการตรวจสอบการนอนหลับ

 

Schedule แผนปฏิทินทำให้ผู้ใช้สามารถกำหนดเวลากิจกรรมต่างๆ เช่น การไปพบแพทย์และตั้งนาฬิกาปลุกให้ตื่น การกินยา วันเกิด และอื่นๆ

ส่วนโปรไฟล์จะช่วยให้คุณเปลี่ยนข้อมูลส่วนบุคคลที่เรากำหนดไว้ในขั้นตอนแรกของการเริ่มต้น เช่น น้ำหนักและส่วนสูง, เปลี่ยน units, เลือกหน้าปัด และอื่นๆ

อายุการใช้งานแบตเตอรี่ของ BP Doctor PRO

สมาร์ทวอทช์จะใช้งานได้ไม่นานเท่ากับรุ่นอื่นๆ ที่ใช้หน้าจอ e-paper และเนื่องจากคุณสมบัติต่างๆ เช่น การวัดอัตราการเต้นของหัวใจอย่างต่อเนื่องและการวัดความดันโลหิต ในกรณีของฉัน ฉันใช้นาฬิกาที่มีความสว่างสูงสุด, ตั้งเวลาหน้าปัดไว้ 20 วินาที, โหมด raise to wake, อัตราการเต้นของหัวใจโหมดอัตโนมัติ และฉันวัดความดันโลหิตหนึ่งครั้งต่อวัน หลังจากชาร์จนาฬิกา ซึ่งโดยปกติแล้วจะใช้เวลามากกว่าหนึ่งชั่วโมงจาก 10%  ฉันสามารถใช้งานได้ 2 วันครึ่ง ซึ่งในทางปฏิบัติหมายถึง 3 วันคือตั้งแต่เช้าวันจันทร์จนถึงเย็นวันพุธ

ฉันยังเลือกตัวเลือกการแสดงหน้าจอ “always-on หรือ เปิดตลอดเวลา” และความสว่างสูงสุด เพื่อดูว่าจะใช้ระยะเวลานานเท่าใดกว่าแบตเตอรี่จะหมด คำตอบ: 6 ชั่วโมง ดังนั้นสำหรับคนส่วนใหญ่ จึงไม่น่าจะเปิดใช้งานตัวเลือกนั้น เนื่องจากจะไม่สามารถใช้งานได้ทั้งวัน

บทสรุป

โดยรวมแล้ว ฉันพอใจกับนาฬิกาเรือนนี้ และมันมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการตรวจสอบสุขภาพร่างกาย เช่น ความดันโลหิต, อัตราการเต้นของหัวใจ, ความอิ่มตัวของออกซิเจน และอื่นๆ เป็นประจำ โดยไม่ต้องพกอุปกรณ์ขนาดใหญ่ นี่คือข้อดีและข้อเสียของสมาร์ทวอทช์ BP Doctor PRO

ข้อดีข้อเสีย
เป็นอุปกรณ์ขนาดกะทัดรัดที่ทำหน้าที่เป็นทั้งสมาร์ทวอทช์และเครื่องวัดความดันโลหิตไม่มี GPS
หน้าจอแสดงผล AMOLED ที่คมชัดและมีสีสัน หน้าจอแสดงผล AMOLED ใช้พลังงานมากกว่าและอ่านได้ยากกว่าในขณะแสงแดดจ้า
แอพ BP Doctor Plus ช่วยให้ตรวจสอบประวัติสุขภาพได้ง่ายนาฬิกาไม่สามารถกันน้ำได้ เพราะมีสาย air cuff
ราคาถูกกว่าทางเลือกอื่นที่คล้ายกันต้องชาร์จแบตเตอรี่ทุกๆ 3 วันในภาวะปกติ

ฉันขอขอบคุณ Wear Wiz ที่ส่งตัวอย่างรีวิว ขณะนี้คุณสามารถซื้อสมาร์ตวอทช์ BP Doctor PRO 2-in-1 ได้ในราคา $299.00 (~10,500฿)บนเว็บไซต์

แปลจากบทความภาษาอังกฤษ : BP Doctor PRO review – A 2-in-1 smartwatch and blood pressure monitor

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

โฆษณา
โฆษณา