เขียนวันที่ โดย Suthinee Kerdkaew - ไม่มีความเห็น บน Microchip เปิดตัว PolarFire SoC Discovery Kit เป็นชุดพัฒนาราคาประหยัด รองรับ Linux และแอปพลิเคชันแบบเรียลไทม์

Microchip เปิดตัว PolarFire SoC Discovery Kit เป็นชุดพัฒนาราคาประหยัด รองรับ Linux และแอปพลิเคชันแบบเรียลไทม์

SoC Discovery Kit เป็นชุดพัฒนาหรือ Development Kit ผลิตภัณฑ์ใหม่รุ่นล่าสุดของ Microchip สำหรับ PolarFire series เป็นรุ่นแรกของตระกูล SoC FPGA ที่ใช้ซีพียู RISC-V มีคุณสมบัติการใช้พลังงานต่ำ, มีประสิทธิภาพการระบายความร้อนเยี่ยม และมีระบบป้องกันที่มีความปลอดภัยในระดับสำหรับระบบเครือข่ายอัจฉริยะ นอกจากนี้ยังรองรับระบบความจำย่อย L2 แบบ Deterministic ซึ่งรองรับระบบ Linux และแอปพลิเคชันแบบเรียลไทม์

Polarfire SoC Discovery Kit

เมื่อปี 2020, Microchip ได้เปิดตัวชุดพัฒนา Icicle Kit สำหรับ PolarFire SoC และตามมาด้วย Video and Imaging Kit ซึ่งมีไว้สำหรับแอปพลิเคชันวิดีโอและวิดีโอที่มีแบนด์วิดท์ระดับกลาง ตอนนี้นี้ Microchip ได้ประกาศเปิดตัวชุดพัฒนา Discovery Kit ซึ่งเป็นทางเลือกที่มีราคาถูกกว่า Icicle Discovery Kit ยังคงมีคุณสมบัติครบถ้วนที่จำเป็นสำหรับการทดสอบแนวคิดอย่างรวดเร็ว การพัฒนาแอปพลิเคชันเฟิร์มแวร์ และการเขียนโปรแกรม/ตรวจสอบจุดบกพร่อง (debugging user code)

จากข้อมูลของ Microchip ชุดอุปกรณ์ดังกล่าวจะนำ “การพัฒนา RISC-V และ FPGA ประหยัดค่าใช้จ่ายเพื่อการเรียนรู้และนวัตกรรมที่รวดเร็ว” ซึ่งจะช่วยวิศวกรรุ่นใหม่และผู้มีประสบการณ์ตลอดจนนักศึกษามหาวิทยาลัย ผลิตภัณฑ์ล่าสุดอื่นๆ เช่น BeagleV-Fire บอร์ด SBC ที่ใช้ PolarFire SoC FPGA

Polarfire SoC Discovery Kit specification

สเปคของชุดพัฒนา Polarfire SoC Discovery Kit:

  • SoC FPGA – PolarFire SoC MPFS095T-1FCSG325E ระบบย่อย CPU penta–core RISC-V (1x RV64IMAC @ 625MHz, 4x RV64GC @ 625MHz) พร้อมด้วย
    • 95K LE non-volatile fabric
    • 292 18 × 18 math blocks
    • Secure boot
    • 4x 12.7 Gbps SERDES
  • หน่วยความจำระบบ – 1GB LPDDR4 x16
  • ที่เก็บข้อมูล – 1x ช่องเสียบ microSD card slot
  • เอาต์พุตวิดีโอ – อินเทอร์เฟซวิดีโอ MIPI
  • การเชื่อมต่อ – 1x Gigabit Ethernet
  • พอร์ตขยาย
    • Header ที่เข้ากันได้กับ Raspberry Pi 40-pin พร้อม GPIO, I2C, SPI, UART
    • mikroBUS socket
    • 3x UART ผ่านพอร์ต USB Type-C
  • การดีบัก
    • ปุ่มกด 2 ปุ่ม
    • 8x ไฟ LED สำหรับดีบัก
    • USB-C (UART)
    • 8x สวิตช์ DIP
  • อื่นๆ – 3x ไฟ LED สำหรับพลังงาน , 2x ปุ่มผู้ใช้, จัมเปอร์สำหรับเลือกแหล่งจ่ายไฟ, คอนเกนเตอร์จอแสดงผล 7 segments
  • การจ่ายไฟ – 5V @ 3A ผ่าน USB Type-C หรือแหล่งจ่ายไฟภายนอก
  • ขนาด – 4.1” x 3.3”

ชุด Polarfire Discovery Kit มีขนาดเล็กกว่าชุด Icicle Kit และไม่รวมคุณสมบัติต่างๆ เช่น PCIe slot, พอร์ต micro-USB, ที่เก็บข้อมูลบนบอร์ด, การเชื่อมต่อไร้สาย, ช่อง power barrel jack และเซ็นเซอร์วัดพลังงาน I2C นอกจากนี้ยังมี RAM น้อยกว่า, มีพอร์ต Ethernet เพียงพอร์ตเดียว และใช้พอร์ต USB Type-C เพียงพอร์ตเดียวสำหรับจ่ายไฟและแก้ไขจุดบกพร่อง (debugging) แต่ยังมี header ที่เข้ากันได้กับ Raspberry Pi 40-pin และ mikroBus socket สำหรับการเชื่อมต่อ Click Boards

YouTube video player

บอร์ดนี้มีโปรแกรมเมอร์ FlashPro5 (FP5) ในตัวสำหรับการเขียนโปรแกรมและ debug FPGA และสำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชันเฟิร์มแวร์ บอร์ดดได้รับการรองรับจากซอฟต์แวร์ Libero SoC ของ Microchip และผู้ซื้อจะได้รับใบอนุญาต Libero Silver ฟรี สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติม, ผังวงจร (schematic) ของชุดอุปกรณ์, คู่มือผู้ใช้ และเอกสารประกอบอื่นๆ ได้ที่หน้าเพจผลิตภัณฑ์

PolarFire SoC Discovery Kit มีวางจำหน่ายแล้ววันนี้ด้วยราคา $132 (~4,700฿) สำหรับบอร์ดเดียว และมีส่วนลดให้ผ่านทาง Academic Program ของ Microchip และสมาชิกจะต้องชำระเงินเพียง $99 (~3,500฿) เท่านั้น ชุดอุปกรณ์คาดว่าจะจัดส่งตั้งแต่เดือนเมษายน 2024 แพ็คเกจจะประกอบด้วยบอร์ด Discovery Kit, quickstart card และสายเคเบิล USB 2.0 Type C-to-C

แปลจากบทความภาษาอังกฤษ : Microchip announces the PolarFire SoC Discovery Kit, a low-cost devkit for Linux and real-time applications

FacebookTwitterLineEmailShare

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

โฆษณา
โฆษณา