รีวิว Raspberry Pi 500 keyboard PC และ Raspberry Pi Monitor แกะกล่องและแกะเครื่อง

หลังจากเปิดตัว Raspberry Pi 500 คอมพิวเตอร์ในรูปแบบคีย์บอร์ด และจอ Raspberry Pi Monitor ขนาด 15.6 นิ้ว และเราได้รับตัวอย่างจาก Raspberry Pi เพื่อมารีวิว ฉันได้ทดลองใช้งานอุปกรณ์ทั้งสองแล้ว ดังนั้นในรีวิวนี้ ฉันจะพูดถึงการแกะกล่องชุดอุปกรณ์ที่ได้รับ และรายงานประสบการณ์การใช้งานทั้ง Keyboard PC และ Monitor

แกะกล่อง

เราได้รับพัสดุสองกล่อง กล่องแรกเป็น Raspberry Pi Monitor และกล่องที่สองประกอบด้วย Raspberry Pi 500 (UK layout keyboard), อะแดปเตอร์ไฟ USB-C กำลังไฟ 27W และสาย micro HDMI to HDMI แต่ไม่ใช่ชุด Raspberry Pi 500 Desktop Kit เพราะไม่มีเมาส์และคู่มือสำหรับผู้เริ่มต้น

Raspberry Pi 500 Raspberry Pi Monitor Unboxing

เริ่มกันที่คีย์บอร์ดพีซี ด้านล่างของกล่องมีข้อมูลสเปกและโลโก้ที่ระบุว่าเป็นคีย์บอร์ด Layout “UK ”

Raspberry Pi 500 keyboard PC package specifications

ภายในกล่องมีเพียงคีย์บอร์ดพีซีเท่านั้น ด้านบนของคีย์บอร์ดเป็น UK layout keyboard ที่มี 79 ปุ่ม ปัจจุบันผู้ใช้งานสามารถซื้อรุ่นที่เป็น US Layout ได้แล้ว และจะมีรุ่นที่เป็น German, Spanish, French, Italian, Nordic และ Japanese Layout ตามมาในภายหลัง อย่างไรก็ตาม สำหรับประเทศไทยยังไม่มี Raspberry Pi 500 ที่เป็นคีย์บอร์ดภาษาไทย เราแนะนำให้เลือก US Layout จะดีกว่า

Raspberry Pi 500 UK Keyboard Layout

ด้านล่างของคีย์บอร์ดไม่มีอะไรพิเศษนอกจากช่องระบายอากาศที่คล้ายกับ Raspberry Pi 400

Raspberry Pi 500 bottom side

พอร์ตทั้งหมดอยู่ที่แผงด้านหลัง ไล่จากซ้ายไปขวา: พอร์ต USB 2.0, พอร์ต USB 3.0 สองพอร์ต, ช่องเสียบ microSD card พร้อม microSD card 32GB, พอร์ต USB-C สำหรับจ่ายไฟ, พอร์ต micro HDMI 2.0 สองพอร์ต, GPIO header 40 พิน, พอร์ต Gigabit Ethernet และช่อง Kensington lock จำนวนพอร์ตเหมือนกับ Raspberry Pi 400 แต่มีการจัดเรียงต่างออกไป เช่น GPIO header 40 พินที่เคยอยู่ด้านซ้ายใน Pi 400

Raspberry Pi 500 rear panel

GPIO header 40 พิน ได้รับการปกป้องด้วยฝาครอบยาง มีฝาปิดยางป้องกันเพื่อป้องกันฝุ่นเข้า และเนื่องจากผู้ใช้ส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้งานขั้วต่อนี้

Raspberry Pi 500 40 pin GPIO header

เราพยายามถอดฝายางออกด้วยมือแต่ไม่สำเร็จ สุดท้ายจึงต้องใช้ปากกาเพื่อช่วยถอดฝายางออก

มาพูดถึง Raspberry Pi Monitor กันบ้าง

Raspberry Pi Monitor Stand 180 Hinge

ด้านหลังมีขาตั้งที่ปรับได้ด้วยบานพับ 180° ซึ่งฉันชอบมาก เพราะมีความแข็งแรงและสามารถปรับให้ตั้งตรงได้ ทำให้เข้าถึงพอร์ต HDMI, พอร์ตเสียง, และพอร์ต USB-C ได้ง่าย อีกทั้งยังช่วยให้พกพาหน้าจอได้สะดวกขึ้น เนื่องจากมีที่จับในตัว ซึ่งดีกว่าจอพกพาอื่น ๆ ที่เราเคยใช้งาน เช่น Elecrow CrowView  หรือจอพกพา CrowVi ที่มีขาตั้งไม่แข็งแรง

Raspberry Pi Monitor Audio Jack HDMI USB C power

ด้านหลังของหน้าจอมีพอร์ตอยู่สามพอร์ต ได้แก่ ช่องเสียงขนาด 3.5 มม., พอร์ต USB-C สำหรับจ่ายไฟ, และพอร์ต HDMI input เราหวังว่า Raspberry Pi จะรองรับการแสดงผลผ่าน USB-C ได้ เพราะจะช่วยให้สามารถใช้สายเพียงเส้นเดียวสำหรับจ่ายไฟและการแสดงผล ซึ่งทำให้โต๊ะดูเรียบร้อยขึ้น และช่วยลดจำนวนสายที่ต้องพกพา โดยเฉพาะเมื่อเดินทางและต้องย้ายอุปกรณ์บ่อย ๆ

Raspberry Pi Monitor Back Side

นอกจากนี้ ยังมีปุ่มปรับความสว่างและเสียง, ปุ่มเปิด/ปิด และรูยึด VESA อยู่ด้านหลังของจอภาพ

Raspberry Pi Monitor Buttons

ไม่จำเป็นต้องใช้ปุ่มเปิด/ปิดเลย เพราะหน้าจอจะเปิดอัตโนมัติเมื่อ Raspberry Pi 500 เปิด และจะเข้าสู่โหมด sleep เมื่อ keyboard PC ปิดการทำงาน

การบูตครั้งแรกของ Raspberry Pi 500

เราได้ชื่อมต่อสาย micro HDMI to HDMI และ USB-C ที่ให้มาเข้ากับ Raspberry Monitor สำหรับการแสดงผลและการจ่ายไฟ และเสียบ RF dongle สำหรับเมาส์ และเชื่อมต่ออะแดปเตอร์ไฟ USB-C ขนาด 27W เข้ากับคีย์บอร์ดพีซี Raspberry Pi 500 เพื่อเริ่มต้นใช้งาน อีกสิ่งหนึ่งที่ฉันชอบเกี่ยวกับ Raspberry Pi Monitor คือการออกแบบด้านล่างที่เว้าช่องให้สายเคเบิลลอดได้ ในขณะที่จอพกพาอื่น ๆ มักต้องจัดสายให้อยู่ด้านข้างหรือวางหน้าจอทับสาย ซึ่งอาจทำให้หน้าจอเอียงเล็กน้อย

Raspberry Pi Monitor Cable Management

แต่การบูตครั้งแรกไม่ได้เป็นไปตามที่คาดไว้ ฉันคาดว่า Raspberry Pi OS จะเริ่มทำงานทันที แต่กลับพบว่าบูตโหลดเดอร์ถามว่าฉันต้องการกด SHIFT เพื่อเข้าสู่โหมดติดตั้งผ่านเครือข่ายหรือไม่

Raspberry Pi OS network installation Pi 500

ซึ่งโหมดนี้ใช้ได้เฉพาะกับ Ethernet เท่านั้น ดังนั้นฉันจึงต้องเชื่อมต่อสาย Ethernet และดำเนินการติดตั้งจนกระทั่งพบว่าไม่มีสตอเรจในระบบ เราจึงดูที่ช่อง microSD card ซึ่งอยู่ในช่องแต่ไม่ได้เสียบเข้าไปเต็มที่

เมื่อกด microSD  ให้เข้าที่แล้ว จึงดำเนินการต่อ จนเจอกับหน้าจอการตั้งค่าของ Raspberry Pi OS

Raspberry Pi 500 MicroSD preloaded Raspberry Pi OS

เลือก “Thailand” เป็นประเทศที่เราอาศัยอยู่และดำเนินการไปยังขั้นตอนถัดไป แต่ระบบได้ตั้งค่าเป็น Thai keyboard  โดยอัตโนมัติ โดยไม่ให้เลือก layout ดังนั้นจึงต้องกลับไปเลือก “Thailand” อีกครั้งและเลือก “use English keyboard” แทน แต่นี่ไม่ใช่ตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด เนื่องจากเราใช้ UK keyboard ดังนั้นเราจึงแนะนำให้ซื้อ Raspberry Pi 500 รุ่นที่มี US keyboard layout ถ้าไม่มีรุ่นที่ใช้ layout ของประเทศโดยเฉพาะ

ใช้เวลาสักครู่กว่าระบบจะสามารถตรวจจับเครือข่ายไร้สายได้ และสามารถเชื่อมต่อกับ WiFi 5 GHz และดำเนินการติดตั้งจนเสร็จสิ้นพร้อมการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่ใช้งานได้

Raspberry Pi 500 Raspberry Pi OS WiFi 5

คำแนะนำและการทดสอบ Raspberry Pi Monitor

ครั้งแรกที่เราได้ตั้งค่าจอภาพเหมือนผู้ใช้ส่วนใหญ่ทำกันคือติดตั้งทุกอย่างโดยไม่อ่านคู่มือการใช้งาน ด้วยเราวางจอภาพไว้ข้างนอก จึงต้องปรับความสว่างให้สูงสุด แต่ไม่สามารถปรับได้เกิน 60% ดังที่แสดงด้านล่าง

USB C maximum brightness

นั่นคือจอภาพจำกัดความสว่างไว้ที่ 60% และระดับเสียงที่ 50% เมื่อจอแสดงผลได้รับพลังงานจากพอร์ต USB ของฮาร์ดแวร์ Raspberry Pi แต่เมื่อฉันเปลี่ยนไปใช้อะแดปเตอร์ USB-C ของหน้าจอเอง เราสามารถเพิ่มความสว่าง (และระดับเสียง) ได้ถึง 100% นี่เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่พอร์ต USB-C อาจแก้ไขได้ง่ายในบอร์ด SBC รุ่นใหม่ของ Raspberry Pi ในอนาคต

Raspberry Pi Monitor 100 percent brightness

เนื่องจาก Raspberry Monitor รองรับเสียงด้วยลำโพงสองตัวและแจ็คเสียงขนาด 3.5 มม. ฉันจึงเล่นวิดีโอ YouTube ใน Firefox โดยรับเสียงจากอินพุต HDMI ไปยังลำโพงในตัว

Raspberry Pi Monitor HDMI audio

ใช้งานได้ แต่คุณภาพเสียงยังต้องปรับปรุง (ลำโพงในตัวเสียงแย่มาก) ผู้ใช้ส่วนใหญ่อาจไม่อยากฟังเพลงหรือดูวิดีโอผ่านลำโพงนี้ นอกจากจะไม่มีทางเลือกอื่น เราจึงลองเปลี่ยนมาใช้ลำโพง USB ราคาไม่แพงที่ต่อกับแจ็คเสียง 3.5 มม. ของจอภาพ และคุณภาพเสียงก็ดีกว่ามาก การสลับระหว่างลำโพงในตัวและอินพุตเสียง 3.5 มม. ทำได้โดยอัตโนมัติ

Raspberry Pi 500 review with Monitor Speaker

ข้อมูลระบบ Raspberry Pi 500, การทดสอบประสิทธิภาพ Benchmarks และระบบระบายความร้อน

ตอนนี้เรามาเน้นที่การทดสอบ Raspberry Pi 500 ถ้าพิจารณาว่าในทางปฏิบัติแล้ว มันเป็นเพียง Raspberry Pi 5 รุ่น 8GB ที่มาในรูปแบบใหม่ และไม่มีอินเทอร์เฟสบางอย่าง เช่น MIPI DSI, CSI หรือขั้วต่อ PCIe FPC

ผลลัพธ์จาก inxi แทบจะเหมือนกับ Raspberry Pi 5 ที่ฉันเคยทดสอบก่อนหน้านี้ ยกเว้นประเภทเครื่อง (Machine Type) ที่ระบุว่า Raspberry Pi 500 Rev 1. และมีการอัปเดตซอฟต์แวร์บางส่วนตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2023:


งนั้นประสิทธิภาพและประสบการณ์การใช้งานที่คุณจะได้รับจะเหมือนกับ Raspberry Pi 5 และเราได้รัน sbc-bench.sh เพื่อตรวจสอบซ้ำว่าการระบายความร้อนเหมาะสมและไม่มีผลกระทบจากการลดประสิทธิภาพเนื่องจากความร้อนสูง:


11,050 MIPS ในการทดสอบ 7-zip โดยมีอุณหภูมิ CPU สูงสุดที่ 66.1°C หรือ 69.4°C ในการทดสอบ CPUminer แสดงให้เห็นว่าระบบระบายความร้อนทำงานได้ดี แม้อุณหภูมิแวดล้อมจะอยู่ที่ประมาณ 32°C เพื่อเปรียบเทียบ Raspberry Pi 5 ทำคะแนนได้ 10,930 MIPS โดยมีอุณหภูมิ CPU เท่ากันที่ 66.1°C แต่ใช้พัดลมช่วยระบายความร้อน ขณะที่ Raspberry Pi 500 ไม่มีพัดลม ซึ่งบ่งบอกว่าขนาดที่ใหญ่ขึ้นของอุปกรณ์ช่วยในการระบายความร้อนได้ดีมาก

การแกะเครื่อง Raspberry Pi 500

มาปิดท้ายปีนี้ด้วยการแกะ Raspberry Pi 500 กันก่อน การออกแบบเชิงกลนั้นเหมือนกับ Raspberry Pi 400ดังนั้นจึงไม่มีสกรูยึดชิ้นส่วนพลาสติกทั้งสองชิ้นของแป้นพิมพ์ PC เข้าด้วยกัน ฉันใช้เครื่องมือพลาสติกขนาดเล็กเพื่อเปิดกล่อง แต่การรูดบัตรเครดิตเก่าก็ทำได้เช่นกัน

Raspberry Pi 500 teardown

เมื่อเปิดออกมา จะเห็นแผ่นโลหะขนาดใหญ่ช่วยระบายความร้อนให้กับ Broadcom BCM2712 SoC ด้วยการออกแบบที่คล้ายกับ Pi 400 สิ่งหนึ่งที่ดึงดูดความสนใจของเราทันทีคือสามารถเพิ่ม M.2 SSD ลงใน Raspberry Pi 500 แต่ช่องเสียบ M.2 ยังไม่ได้บัดกรี! ดังนั้นสามารถทำได้แต่จะต้องบัดกรีเพิ่มเอง

ถัดมา ฉันถอดสายแพคีย์บอร์ดและคลายสกรู 4 ตัวเพื่อถอดแผ่นโลหะออก และดูเมนบอร์ด Raspberry Pi 500 ได้ชัดเจนขึ้น

Raspberry Pi 500 board

พบว่านอกจาก M.2 NVMe SSD แล้ว Raspberry Pi 500 ยังสามารถรองรับฟีเจอร์อื่นๆ ได้ เช่น วงจร PoE (ด้านซ้ายที่ยังไม่ได้ติดตั้ง) และการรองรับแบตเตอรี่ RTC (ด้านล่างขวา) ดังนั้นสิ่งเหล่านี้อาจเป็นแนวคิดที่ยังว่างเปล่า หรืออาจจะมีรุ่น Raspberry Pi 500 ในอนาคตที่มี M.2 NVMe SSD, แบตเตอรี่ RTC, และ/หรือ PoE

หนึ่งในความแตกต่างสำคัญเมื่อเทียบกับ Raspberry Pi 400 คือบริษัทได้พัฒนาชิปของตัวเองมาตั้งแต่ปี 2020 ดังนั้น MCU Holtek HT45R0072 แบบ 8 บิต ถูกแทนที่ด้วย Raspberry Pi RP2040 เพื่อควบคุมคีย์บอร์ด, ใช้ Southbridge Raspberry Pi RP1 แทนตัวควบคุม VL805 PCIe to USB, และพบโมดูลไร้สายที่มีแบรนด์ Raspberry Pi คือ RPI-RM0 ซึ่งใช้ชิปเซ็ต Infineon CYW43455

Raspberry Pi RP1 RP2040 RPI RM0

Broadcom BCM54213PE gigabit Ethernet PHY, หน่วยความจำ Micro LPDDR4x 8GB, และ Renesas DA9091 PMIC ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถพบได้ใน Raspberry Pi 5 ด้วย แต่มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเมื่อเทียบกับ Pi 5 เช่นการใช้คอนเนกเตอร์ RJ45 แบบบาง พร้อมกับ BOURNS SM51625L GbE Transformer แทนแจ็ค RJ45 ที่มีหม้อแปลงในตัว

เราได้นำบอร์ดออกจากตัวเครื่องพลาสติกเพื่อดูด้านล่างเป็นส่วนประกอบ passive ขนาดเล็กจำนวนมาก

Keyboard PC board bottom

 

สรุป

Raspberry Pi 500 เป็นการอัปเกรดที่ดีจาก Raspberry Pi 400 ด้วยโปรเซสเซอร์ที่เร็วขึ้น (เร็วขึ้น 2 ถึง 3 เท่า) และหน่วยความจำที่เพิ่มเป็นสองเท่าทำให้เหมาะสมยิ่งขึ้นสำหรับการใช้งานแทนเดสก์ท็อป การรีวิวของเราแสดงให้เห็นว่าระบบระบายความร้อนทำงานได้ดี และ Raspberry Pi 500 จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดแม้ในสภาพอากาศร้อน

มีพอร์ตเหมือนกับ Raspberry Pi 400 เราหวังว่าในอนาคตจะมีการออกแบบที่ปรับเปลี่ยนเล็กน้อยเพื่อรองรับการติดตั้ง M.2 SSD สำหรับการจัดเก็บข้อมูล เช่น อาจจะเป็นฝาครอบที่ด้านล่างของเครื่อง แต่การออกแบบนี้อาจจะทำให้ความสูงของเครื่องเพิ่มขึ้น และบริษัทอาจคิดว่ามันไม่คุ้มค่าที่จะทำ หรืออีกทางเลือกหนึ่งคือมี PCIe FPC connector ให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อ Raspberry Pi HAT+ ที่รองรับ PCIe ได้ และตอนนี้เราอยู่ในประเทศไทย ถ้าเป็นไปได้เราอยากให้มี Thai keyboard layout แต่ขนาดตลาดอาจจะเล็กะไม่คุ้มค่ากับการลงทุน  สามารถใช้ US layout และใช้สติกเกอร์ติดบนคีย์บอร์ดแทนได้

ส่วน Raspberry Pi Monitor จากการทดลองใช้แล้ว ฉันชอบขาตั้งเพราะมันแข็งแรงและสะดวกในการใช้งานมากกว่าโซลูชันจอแสดงผลแบบพกพาอื่นๆ ที่เราเคยลองใช้ รวมถึงการออกแบบการออกแบบด้านล่างที่เว้าช่องให้สายเคเบิลลอดได้ การแสดงผลของหน้าจอถือว่าพอใช้ได้ แต่คุณภาพเสียงจากลำโพงนั้นค่อนข้างแย่และน่าจะมีการปรับปรุงคุณภาพเสียงเพิ่มเติม เราคาดหวังว่าจอแสดงผลนี้ จะมีพอร์ต USB-C สำหรับการแสดงผลและจ่ายไฟได้

สุดท้ายนี้ ฉันขอขอบคุณ Raspberry Pi ที่ส่ง Pi 500 keyboard PC และ จอแสดงผลขนาด 15.6 นิ้ว มาให้รีวิว Raspberry Pi 500 จำหน่ายในราคาประมาณ 4,000 บาทที่ Cytron และยังมี Raspberry Pi 500 Desktop Kit จำหน่ายในราคาประมาณ 5,300 บาทซึ่งรวมอะแดปเตอร์พลังงาน, เมาส์, สาย micro HDMI to HDMI และคู่มือสำหรับผู้เริ่มต้นเป็นภาษาอังกฤษ ส่วน Raspberry Pi Monitor มีราคาประมาณ 4,400 บาทพร้อมสาย USB-C สำหรับจ่ายพลังงานและคู่มือการใช้งาน

แปลจากบทความภาษาอังกฤษ : Raspberry Pi 500 review with Raspberry Pi Monitor and teardown

FacebookTwitterLineEmailShare

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

โฆษณา
โฆษณา