ในขณะที่ Meshtastic เป็นโซลูชันการส่งข้อความแบบ off-grid ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดซึ่งใช้คลื่นวิทยุ LoRa แต่ MeshCore ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในรูปแบบ lightweight C++ library และเฟิร์มแวร์ที่ออกแบบมาสำหรับการกำหนดเส้นทางแพ็กเก็ตแบบหลายจุด (multi-hop) โดยเหมาะสำหรับนักพัฒนาที่ต้องการสร้างเครือข่ายการสื่อสารแบบกระจายศูนย์ที่ยืดหยุ่นและทำงานได้โดยไม่ต้องใช้อินเทอร์เน็ต
GitHub repository ของโปรเจกต์ ให้ข้อมูลเปรียบเทียบในระดับสูงกับโปรเจกต์ Meshtastic และ Reticulum ดังนี้:
MeshCore ช่วยให้สามารถสร้างเครือข่าย mesh แบบไร้สายได้เช่นเดียวกับ Meshtastic และ Reticulum แต่เน้นที่การกำหนดเส้นทางแพ็กเก็ต lightweight แบบ multi-hop สำหรับโปรเจกต์ฝังตัว โดยแตกต่างจาก Meshtastic ซึ่งออกแบบมาเพื่อการสื่อสารผ่าน LoRa แบบทั่วไป หรือ Reticulum ซึ่งเน้นระบบเครือข่ายขั้นสูง MeshCore จึงเป็นจุดกึ่งกลางระหว่างความเรียบง่ายและความสามารถในการขยายตัว เหมาะอย่างยิ่งสำหรับโซลูชันฝังตัวแบบกำหนดเอง ที่อุปกรณ์ (โหนด) สามารถสื่อสารกันระยะไกลโดยการส่งข้อความผ่านโหนดกลางหลายตัว ซึ่งมีประโยชน์อย่างยิ่งในสถานการณ์ที่ไม่มีโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสาร เช่น พื้นที่ห่างไกล ภาวะฉุกเฉิน หรือการใช้งานทางยุทธวิธี
คุณสมบัติเด่นของ MeshCore:
- การกำหนดเส้นทางแพ็กเก็ตแบบหลายจุด (Multi-hop) – ในฐานะเครือข่ายแบบ mesh อุปกรณ์สามารถส่งต่อข้อความผ่านหลายโหนดได้ และ MeshCore รองรับจำนวนการกระโดด (hops) ได้ตามที่กำหนดค่า เพื่อสร้างสมดุลระหว่างประสิทธิภาพของเครือข่ายและการป้องกันการจราจรที่มากเกินไป
- รองรับวิทยุ LoRa – ใช้งานร่วมกับฮาร์ดแวร์ LoRa จาก Heltec, RAKwireless และบางรุ่นอื่น ๆ ได้
- กระจายศูนย์และมีความยืดหยุ่นสูง – ไม่ต้องพึ่งพาเซิร์ฟเวอร์กลางหรืออินเทอร์เน็ต และเครือข่าย mesh สามารถซ่อมแซมตัวเองได้เมื่อเกิดปัญหา
- พลังงานต่ำ – ออกแบบมาสำหรับอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่หรือพลังงานแสงอาทิตย์
- ติดตั้งง่าย – เพียงแฟลชเฟิร์มแวร์ MeshCore Companion ลงในอุปกรณ์ และติดตั้งแอป MeshCore สำหรับ Android หรือ iOS หรือลูกค้าสามารถใช้ผ่านเว็บแอปได้ นอกจากนี้ยังมีไลบรารี JavaScript และไคลเอนต์ Python สำหรับนักพัฒนาด้วย
อุปกรณ์ที่รองรับ ได้แก่ LILYGO T-Deck Plus ซึ่งสามารถใช้งานได้แบบสแตนด์อโลนโดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน, Seeed Studio T1000-E, Heltek Lora32 V3 และรุ่นอื่น ๆ โดยสามารถดูรายชื่ออุปกรณ์ที่รองรับทั้งหมดได้บนหน้าเว็บสำหรับแฟลชเฟิร์มแวร์
วิดีโอด้านล่างแสดงวิธีเริ่มต้นใช้งาน MeshCore โดยขั้นตอนการตั้งค่าและการส่งข้อความมีความคล้ายคลึงกับ MeshTastic แต่ดูง่ายกว่า โดยไม่มีการใช้ QR code แทนที่ด้วยการส่งสัญญาณโฆษณาแบบ flood เพื่อเพิ่มผู้ใช้งานเข้าระบบ นอกจากนี้ในวิดียังแสดงการใช้งาน MeshCore ในรูปแบบ repeater เพื่อขยายพื้นที่ครอบคลุมของเครือข่ายอีกด้วย
MeshCore ไม่มีฟีเจอร์บางอย่าง เช่น การติดตามตำแหน่ง GPS แบบเรียลไทม์หรือการเชื่อมต่อกับเซ็นเซอร์โดยค่าเริ่มต้น แต่สามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์ระดับพรีเมียมของ MeshCore ได้บนเฟิร์มแวร์ของอุปกรณ์ T-Deck, T-Display Pro และ T5 ‘Ultra’ โดยการซื้อไลเซนส์ในราคา 8 ปอนด์ (~350฿) จากร้าน MeshCore
ฟีเจอร์พรีเมียมประกอบด้วย:
- การซูมแผนที่เพื่อดูรายละเอียดในระดับที่สูงขึ้น
- โปรไฟล์ MeshCore:
- การจัดการรีพีทเตอร์จากระยะไกลหรือ CLI สำหรับเซิร์ฟเวอร์ในห้อง
- รองรับข้อมูลเทเลเมตรี (และการแชร์ตำแหน่ง)
- โปรไฟล์ Ripple:
- รองรับระบบไปรษณีย์ (จัดเก็บและส่งต่อข้อความ, แชทกลุ่ม, ปฏิทินที่แชร์ร่วมกัน และอื่น ๆ)
- โหมดกระจายตำแหน่ง GPS
- การจับคู่อุปกรณ์ติดตาม/เซ็นเซอร์
MeshCore Android appMeshCore และ Ripple เป็นโปรไฟล์ที่แตกต่างกัน ซึ่งสามารถเปิดใช้งานได้ตามความต้องการ ดังนั้นแม้ว่าไลบรารี/เฟิร์มแวร์ MeshCore จะเป็นโอเพนซอร์สภายใต้ไลเซนส์ MIT แต่ก็ยังมีไบนารีที่ไม่เปิดซอร์สสำหรับจัดการฟีเจอร์ระดับพรีเมียมอยู่ ฟีเจอร์พรีเมียมอีกตัวที่กำลังจะเปิดตัวในอนาคตคือไลเซนส์ MeshCore ESP-NOW bridge ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อเป็นแหล่งเงินทุนในการพัฒนาโปรเจกต์นี้ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ของโปรเจกต์
แปลจากบทความภาษาอังกฤษ : MeshCore is a lightweight alternative to Meshtastic LoRa-based off-grid messaging

บรรณาธิการข่าวและบทความภาษาไทย CNX Software ได้มีความสนใจในด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะ Smart Home และ IoT