เราเคยกล่าวถึง Raspberry Pi HAT+ ที่มาพร้อมซ็อกเก็ต M.2 หลายช่องพร้อมรองรับ key หลากหลายเช่น Geekworm X1004 HAT+, Pineboards HatDrive! AI และ HatDrive! Dual ที่มีซ็อกเก็ตสองช่อง และ Geekworm X1011 ที่มีซ็อกเก็ต M.2 Key-M ถึงสี่ช่อง
เมื่อเราเห็น Seeed Studio เปิดตัว HAT+ แบบ Dual M.2 ขึ้นมาในครั้งนี้ ตอนแรกคิดว่าอาจไม่มีอะไรน่าสนใจ เพราะดูเหมือนเป็นบอร์ดที่คล้ายกันมาก แต่ HAT+ ที่กล่าวมาก่อนหน้านี้ทั้งหมดใช้สวิตช์แพ็กเก็ต PCIe Gen2 x1 อย่าง ASMedia ASM1182e หรือ ASM1184e ซึ่งรองรับแบนด์วิดท์ที่แชร์กันสูงสุด 5GT/s ในขณะที่ PCIe3.0 to Dual M.2 HAT+ ของ Seeed Studio สำหรับ Raspberry Pi 5 นั้น ใช้ชิปสวิตช์ ASM2806 PCIe 3.0 ที่รองรับแบนด์วิดท์ที่แชร์กันสูงสุดถึง 8GT/s ผ่านอินเทอร์เฟซ PCIe Gen3 x1 ของ Raspberry Pi 5
คุณสมบัติและสเปคของ Seeed Studio PCIe 3.0 to Dual M.2 HAT+:
- SBC ที่รองรับ – Raspberry Pi 5 และบอร์ด SBC อื่นๆ ที่มีคอนเนกเตอร์ PCIe FFC เช่น บอร์ด Kakip
- 2x M.2 M-PCIe slots พร้อม PCIe 3.0 x1 รองรับโมดูล M.2 2230, 2242, 2260, 2280 (SSD, AI accelerator และอื่นๆ)
- ชิป PCIe Switch – ชิปสวิตช์ ASMedia ASM2806 PCIe 3.0 พร้อม PCIe Gen3 x2 สำหรับอัปสตรีม (ใช้แค่ x1 ในที่นี้) และ PCIe 3.1 จำนวน 4 เลนสำหรับดาวน์สตรีม (ใช้แค่ 2 เลนในที่นี้) รองรับแบนด์วิดท์รวมสูงสุด 8GT/s
- อินเทอร์เฟซโฮสต์
- คอนเนกเตอร์ PCIe FFC ของ Raspberry Pi 5 (พร้อมสาย FPC แบบ S-shaped ขนาด 50 มม. ที่ไม่บดบังช่องเสียบ microSD)
- GPIO header 40 พิน (สำหรับการติดตั้งเท่านั้น)
- แหล่งจ่ายไฟ – อินพุตไฟ 5V/3A จาก Raspberry Pi 5
- 5V/2A ผ่านพิน pogo และ
- 5V/1A ผ่านคอนเนกเตอร์ PCIe
- ขนาด – เป็นไปตามมาตรฐาน Raspberry Pi HAT+
บอร์ด SBC ที่มีคอนเนคเตอร์ PCIe FFC เช่น Radxa ROCK 5C, ROCK 5C Lite และ Pine64 Quartz64 Zero แต่อินเทอร์เฟซบนบอร์ดเหล่านี้จำกัดอยู่ที่ PCIe 2.1 x1 ดังนีั้น จึงไม่มีประโยชน์ที่จะใช้ที่จะใช้ HAT+ รุ่นใหม่ของ Seeed Studio
Seeed Studio ยังระบุถึงปัญหาความเข้ากันได้ที่อาจเกิดขึ้นกับ NVMe SSD บางรุ่น แต่ก็ไม่น่าจะแตกต่างจาก HAT+ แบบ M.2 PCIe รุ่นอื่น ๆ ตราบใดที่ชิป ASMedia ASM2806 ได้รับการรองรับอย่างเหมาะสม หาก SSD NVMe ของคุณทำงานได้กับ HAT+ รุ่นอื่น ๆ ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะทำงานได้กับบอร์ด PCIe Gen3.0 to Dual M.2 HAT+ นี้เช่นกัน บริษัทยังแนะนำ SSD NVMe บางรุ่น เช่น Foresee ขนาด 128GB, 256GB, และ 512GB รวมถึงรุ่น Kioxia ขนาด 1TB และ 2TB แต่เป็นเพราะรุ่นเหล่านี้เป็น SSD แบรนด์ของ Seeed Studio
เนื่องจาก HAT นี้ไม่สามารถใช้งานร่วมกับเคส Raspberry Pi 5 รุ่นทางการได้ Seeed Studio จึงออกแบบเคสที่สามารถพิมพ์ 3D ได้ และแชร์ไฟล์ STEP สำหรับผู้ที่ต้องการพิมพ์เคสเอง โดยสามารถดูรายละเอียดและคำแนะนำเพิ่มเติมได้ใน Wiki มีรายละเอียดและคำแนะนำเพิ่มเติมเพื่อเริ่มต้น นอกจากนี้ยังมีเกณฑ์มาตรฐานบางส่วนที่แสดงประสิทธิภาพ SSD เมื่อเรียกใช้ AI inference บน Hailo-8 AI accelerator ในเวลาเดียวกันโดยใช้ PCIe Gen2 หรือ Gen3
แม้ว่าการใช้ PCIe Gen 3.0 to Dual M.2 HAT+ กับ Raspberry Pi 5 จะมีประโยชน์ที่ชัดเจน แต่ก็ยังถือว่าเป็นโซลูชันระดับเริ่มต้น (low-end) เมื่อเทียบกับ SBC บางรุ่นที่ใช้ Rockchip RK3588 ซึ่งรองรับความเร็วที่สูงกว่าโดยใช้ PCIe Gen3 x4 แบบ native แทนที่จะเป็น PCIe Gen3 x1 ยกตัวอย่างเช่น FriendlyELEC CM3588 NAS Kit ที่มาพร้อมกับซ็อกเก็ต M.2 Key-M สี่ช่อง โดยแต่ละซ็อกเก็ตรองรับ PCIe Gen3 x1 (แบบไม่แชร์แบนด์วิดท์ร่วมกัน)
Seeed Studio จำหน่าย PCIe3.0 to Dual M.2 HAT+ ในราคา $45(~1,500฿) บนเว็บไซต์ของบริษัท โดยมาพร้อมสาย FPC ขนาด 50 มม. และชุดสกรูและสตัด (screw and stud) จำนวนสองชุด แม้ว่าบอร์ดขยาย Raspberry Pi 5 รุ่นนี้จะเป็นบอร์ดรุ่นแรกที่ใช้ชิป ASM2806 แต่ก็มีบอร์ดรุ่นอื่น ๆ ที่ออกแบบไว้แล้วและอาจจะวางจำหน่าย (หรืออาจจะไม่) ในเร็ว ๆ นี้ ตัวอย่างเช่น RPI5 PCIe 3.0 Hub ที่เป็นฮาร์ดแวร์แบบโอเพนซอร์สและ Dual 2.5G Router HAT ของ Radxa
แปลจากบทความภาษาอังกฤษ : PCIe3.0 to Dual M.2 HAT+ for Raspberry Pi 5 features ASMedia ASM2806 PCIe 3.0 switch
บรรณาธิการข่าวและบทความภาษาไทย CNX Software ได้มีความสนใจในด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะ Smart Home และ IoT