NearLink ได้รับการพัฒนาโดย SparkLink Alliance นำโดย Huawei ร่วมกับพันธมิตรอุตสาหกรรมและสถาบันวิจัยชั้นนำในประเทศจีน, NearLink เป็นเทคโนโลยีการเชื่อมต่อไร้สายที่รวดเร็ว เสถียร และประหยัดพลังงาน โดยมีจุดประสงค์เพื่อเติมเต็มช่องว่างและข้อจำกัดของ Bluetooth และ Wi-Fi ทั้งในแง่ของความหน่วงต่ำ (low latency), ความเร็วสูง (high speed), และ การใช้พลังงานต่ำ (low power consumption) และจำนวนอุปกรณ์ที่รองรับ สามารถใช้งานในอุตสาหกรรมและผู้บริโภคทั่วไป
NearLink แบ่งการใช้งานออกเป็น 2 โหมดหลักได้แก่:
- SparkLink Low Energy (SLE) ออกแบบมาสำหรับการใช้งานแบบ low-power เช่น IoT, wearable, อุปกรณ์สุขภาพ และอื่น ๆ รองรับอุปกรณ์จำนวนมากในเครือข่ายเดียว และเป้าหมายเพื่อแทนที่ Bluetooth LE
- SparkLink Basic (SLB) ใช้ในงานที่ต้องการ แบนด์วิดท์สูง และความหน่วงต่ำ เช่น รถยนต์อัจฉริยะ (smart car), AR/VR, Industrial control, มี latency ต่ำสุดเพียง 20 ไมโครวินาที (ดีกว่า Wi-Fi หลายสิบเท่า) มีอัตราการส่งข้อมูล (throughput) สูงถึง 12 Gbps
ตารางเปรียบเทียบคุณสมบัติเด่นของ NearLink เมื่อเทียบกับ Bluetooth และ Wi-Fi
คุณสมบัติ | NearLink (SLB) | Bluetooth 5.3 | Wi-Fi 6 |
---|---|---|---|
Latency | ~20 µs | ~100 µs – 1 ms | ~2–10 ms |
Speed | สูงสุด 12 Gbps | <2 Mbps | สูงสุด 9.6 Gbps |
พลังงาน | ต่ำกว่า Wi-Fi | ต่ำกว่า Wi-Fi | ใช้พลังงานสูง |
ความปลอดภัย | ใช้การเข้ารหัสระดับสูง | มาตรฐานทั่วไป | WPA3 |
รองรับอุปกรณ์ | หลายพันตัว (ใน SLE) | จำกัด (โดยเฉพาะ Classic) | สูงแต่ขึ้นกับการตั้งค่า |
เมื่อเทียบกับ Bluetooth และ Wi-Fi จะมีความเร็วและหน่วงต่ำมาก และใช้พลังงานต่ำ
เทคโนโลยีนี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับทั้งด้านอุตสาหกรรมและผู้บริโภคทั่วไป ในอุตสาหกรรม เช่น การควบคุมหุ่นยนต์ในโรงงาน, ระบบอัตโนมัติแบบไร้สายในสายการผลิต, รถยนต์อัจฉริยะ (เช่น communication ระหว่าง ECU) การใช้ในงานสำหรับผู้บริโภคทั่วไป เช่น หูฟังและลำโพงคุณภาพสูงแบบ latency ต่ำ, เกมและ AR/VR แบบไร้สาย รวมถึง IoT ในบ้านอัจฉริยะที่มีการตอบสนองเร็ว
การสนับสนุนและพันธมิตร SparkLink Alliance มีสมาชิกมากกว่า 300 ราย ณ ปี 2024 เช่น Huawei, Xiaomi, BYD, Rockchip, Spreadtrum, Allwinner และสถาบันวิจัยหลายแห่งในจีน โดยอุปกรณ์บางรุ่น เช่น Huawei Mate 60 และ หูฟัง FreeBuds Pro 3 เริ่มรองรับ NearLink แล้ว นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัวบอร์ดพัฒนาอย่างเช่น HiHope_NearLink_DK_WS63E_V03 ซึ่งเน้นการใช้งานพลังงานต่ำและรองรับเทคโนโลยีหลักทั้ง Wi-Fi 6, BLE และ SparkLink Low Energy (SLE) สำหรับการพัฒนาอุปกรณ์และโซลูชันที่ใช้ NearLink อย่างเต็มรูปแบบ เทคโนโลยี NearLink มีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงมาตรฐานไร้สายในระดับโลก โดยเฉพาะถ้ารวมกับความพยายามของจีนในการลดการพึ่งพาเทคโนโลยีตะวันตก แต่ข้อจำกัดคือยังไม่เป็นมาตรฐานสากล เช่น IEEE หรือ Bluetooth SIG, การขยายไปนอกประเทศจีนอาจต้องใช้เวลา และอุปกรณ์ฝั่งผู้ผลิตยุโรป/สหรัฐฯ ยังไม่รองรับ
NearLink จึงเป็นการพัฒนาเทคโนโลยีไร้สายยุคใหม่ที่เน้นความเร็วสูง ความหน่วงต่ำ และพลังงานต่ำ โดยมีเป้าหมายในการแทนที่ Bluetooth และ Wi-Fi ในบางบริบท อุตสาหกรรมจีนเริ่มนำไปใช้งานแล้ว และหากได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ก็อาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของอุปกรณ์ไร้สายในอนาคต

บรรณาธิการข่าวและบทความภาษาไทย CNX Software ได้มีความสนใจในด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะ Smart Home และ IoT